เซ็กซ์ซิมโบลตัวพ่อ : โรเบิร์ต แพลนท์

Blowin’ in the songs
โดย : ประมวล ดาระดาษ
p_daradas@hotmail.com

ตำนานร็อกเรือเหาะ LED ZEPPELIN (5)

ส่วนการเริ่มต้นของโรเบิร์ต แพลนท์ เซ็กซ์ซิมโบลประเภทนักร้องร็อกชายร่วมสมัย นั้นก็น่าจะมีแววเจ้าชู้ตั้งแต่ยังเด็ก เขาเล่าว่า

“เมื่ออายุได้สิบสามปีครึ่ง ผมก็รู้สึกคลั่งผู้หญิงขึ้นทันที และต้องการที่จะคบหากับบรรดาหล่อนๆ ให้ได้ ในวิถีทางที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ วิธีหนึ่งคือต้องไว้ผมยาว ให้บรรดาหล่อนๆ สะดุดตา ผมจึงไว้ผมยาว ปรกมาถึงใบหูก่อน จากนั้นก็ยาวขึ้นเรื่อย ผมลืมการเรียนไปเลย ขณะนั้น มีความต้องการอย่างเดียวคือจะไปอยู่ในกลุ่มศิลปินดนตรีแนวป็อป

“มีชายคนหนึ่งชื่อเทอร์รี ฟอสเตอร์ ซึ่งมาไม่ไกลจากเมืองคิดเดอร์มินสเตอร์บ้านเกิดผมนัก เขาก็ไม่โดดเด่นและมีชื่อเลย ต่อการเล่นกีตาร์แปดสาย เพราะแนวทางการเล่นและฝีมือธรรมดาเกินไป เขาพยายามเล่นให้เหมือน บิก โจ วิลเลียม ไปพร้อมกับการเล่นฮาร์ป คือ เขาน่าจะเป็นคนที่ใครๆ รังเกียจในช่วงเวลานั้น แต่ผมมีความคิดตามประสาวัยรุ่นว่าเขาเป็นบลูส์ผิวขาวของแท้ และเมื่อผมอายุสิบห้าปี ผมก็เชื่อฟังเขาทุกอย่าง เพราะผมหวังว่าเขาจะเป็นผู้แนะนำผมด้านดนตรีที่แท้จริงให้แก่ผมได้

“พ่อผมเลยจัดการนำผมไปฝาก ไว้ที่ คลับ เซเวน สตาร์ บลูส์ ในสตวร์ป บริดจ์ และผมก็ร่ำร้องจะอยู่กับวง “ก็อต มาย โมโจ เวิร์กกิ้ง” และอีกหลายกลุ่มคนดนตรีอื่นๆ แนวนั้น ต่อมา คริส วู้ด ก็ต้องการเล่นกับพวกเรา และสตัน เว็บบ์ และแอนดี ซิลเวสเตอร์ ก็มาร่วมในวงด้วย

“คลับ เซเวน สตาร์ บลูส์ คือที่ที่แจ้งเกิดให้แก่วง เราตั้งชื่อวงว่า เดลตา บลูส์ แบนด์ เมื่อไม่ได้คิวเล่น มือกีตาร์และผมก็จะตระเวนไปยังคลับที่เล่นโฟล์ก พวกเราเล่นเพลง “คอรินนา คอรินนา” ร่วมกับวงที่มีสำเนียงบลูส์ ในกลุ่มของ เพ็ตตี สตรอว์

“ใช่วงเวลานั้น เมื่อคุณจะมองลึกลงไปถึงสไตล์ของดนตรีแนวต่างๆ ก็จะพบหลายรูปแบบของอารมณ์ของบลูส์ นั่นคือพื้นที่ของบลูส์นั้นกว้างยิ่ง

“ผมเคยคิดว่าจะเป็นนักบัญชีตั้งแต่ยังเด็ก แต่แท้จริงแล้วก็รู้วิถีทางแห่งตนและที่จะไป และดำเนินไลฟ์สไตล์ด้วยตนเองดี ถ้าผมกลับไปเรียนเพื่อเป็นนักบัญชีแบบที่หวังอีก ก็ต้องได้ 0 ทุกตัว ตอนนั้นไปเล่นดนตรี ต้องแอบกลับบ้านตอนกลางคืน เพราะผมยาวเป็นฮิปปี้แล้ว เมื่ออายุสิบหกผมก็เริ่มต้นการศึกษาดนตรีด้วยการย้ายจากวงโน้นไปวงนี้ ผลสุดท้าย ความรู้ทางด้านดนตรีบลูส์ของผมและดนตรีแขนงอื่นๆ ก็แตกฉานและทรงคุณค่าต่อการรับฟัง

“ผมเคยร้องกับวงมากมาย และแถมยังเขียนเพลงอีกบ้างเล็กๆ น้อยๆ และไม่ได้ใส่เครดิตเบื้องหลัง ตามที่ควรจะเป็น ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งฟอร์มวง แบนด์ ออฟ จอย

“การอาศัยอยู่ใกล้เมืองเบอร์มิงแฮม มีพวกจาเมกาอยู่มาก จึงเริ่มเรียนรู้จังหวะบลูส์แบบเก่าๆ ไปด้วย ผู้จัดการวง ว่าผมร้องไม่ดี จึงตัดผมออกจากวง ผมขอร้องว่าให้โอกาสผมอีกนิด แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง

“วงใหม่คือ แบนด์ ออฟ จอย ตกลงว่าจะเพนต์หน้ากันบนเวที ก่อนที่วงเครซี เวิลด์ ของอาเธอร์ บราวน์ จะทำเสียอีก ก็ไปด้วยดีต่อการแสดงกลางคืนชั่วระยะหนึ่ง แต่พวกเราก็ต้องตกใจเมื่อมิตรรักนักเพลงกลุ่มหนึ่งต้องมาสูญเสียความนิยมไป มือเบสร่างใหญ่คนหนึ่งจึงหนีหายออกจากวงทันที ผมก็ถูกหลอนด้วยเสียงหัวเราะและภาพของเขา ในวงสนทนากับเพื่อนๆ เรื่องทั้งหมด มันตลกมาก ต่อมาผมก็ขับรถแวนเก่ง ทำงานจิปาถะอื่นๆ ทุกอย่างเพื่อแลกเงิน ต่อมาเราก็ได้มือกีตาร์ที่เยี่ยม มหัศจรรย์ มือเบสชั้นยอด และบอนโซ บอนแฮม มาตีกลอง

“นานพอสมควร มีโปรโมเตอร์งี่เง่า พยายามจะสลายกลุ่มของพวกเราลง โดยให้ไปร่วมเล่นกับนักดนตรีของวงคิงส์ ส่วนวงแบนด์ ออฟ จอย ได้เล่นเพียงสองครั้งต่อสัปดาห์ นั่นก็มีเฉพาะแต่มัวรีนภรรยาผม ผมก็มาคิดว่าจะอยู่ต่อไปหรือยุติหนทางลงเพียงแค่นี้

“แม้ว่ารายได้ของพวกเราจะอยู่ระหว่าง 60-70 ปอนด์ต่อคืน มันก็ไม่พอยาไส้ ผมก็ว่าสุดท้ายก็เลิกกันดีกว่า บอนโซ (จอห์น บอนแฮม) ออกไปทำงานกับ ทิม โรส

“โดยแท้แล้ว ผมก็เชื่อว่าจะหวังพึ่งสวัสดิการจากหลวงได้ แต่ผมก็ยังไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นเสียทีเดียว บางขณะผมก็แยกกับมัวรีน พระเจ้าคุ้มครองหล่อนเถิด ผมก็ต้องไปเป็นกรรมกรราดยางถนนหลวง เพื่อแลกขนมปัง คิดดูก็แล้วกันผมราดยางแอสฟัลต์ถนนสายเวสต์บรอมวิช เพื่อแลกเงินไม่กี่สตางค์ต่อชั่วโมง ต้องจ่ายภาษีแข่งกับกล้ามแขนที่ปูดเป็นมัด ผมก็แสนจะขำ พวกเหล่าทหารเรือแฟนเพลงวงผม เห็นผมในสภาพนั้นก็ยังล้อว่าผมเป็นนักร้องป็อปอยู่

“ผู้ที่มีอิทธิพลต่อผมมากที่สุดต่อการร้องเพลงในแบบบลูส์ก็คือ สนูก เอ็กลิน-โรเบิร์ต จอห์นสัน-ทอมมี แม็กเคลนแลน และแม้แต่ บุกกา ไวท์ ผู้มีน้ำเสียงขึ้นจมูก แผ่นของเขาในยุค 30s อย่าง “ฟิกซิง ทู ได” และ “บุกกา จิตเตอร์บัก” เป็นน้ำเสียงนาสิกที่บางทีผมก็แอบนำมาใช้

“ผมยังมีอัลบั้มของ คณะบัฟฟาโล สปริงฟิลด์ เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ คุณสามารถจะดื่มด่ำและลึกซึ้งไปด้วย ผมคิดว่า “นี่คือสิ่งที่แฟนๆ อยากฟัง และก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการจะฟังด้วย”

“และเมื่อผมมีแผ่นของโมบี เกรฟ แผ่นแรก ผมตะลึง ต่อสำเนียงกีตาร์และทุกสำเนียงซึ่งยอดเยี่ยมมาก ทุกอย่างลงตัว ผมว่าเป็นเพราะจิตวิญญาณของมัน ที่ผมมีปฏิกิริยาต่อแผ่นนี้ ผมคิดว่าผมหลงใหลในรูปแบบบลูส์เก่าๆ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่สามารถจะฟังแนวนั้นได้อีกต่อไป เพราะมันกลายพันธุ์ไปมาก มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ

“แต่เดี๋ยวนี้ผมก็สะท้อนใจพอๆ กับอาเธอร์ ลี และรักต่อสิ่งที่เรียกว่า การเปลี่ยนแปลงตลอดไป”

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE