Zippo ตำนานที่เป็นมากกว่าไฟแช็ก


โลกใบนี้…
โลกของธุรกิจ…
โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วฉับไว…
หลายปัจจัยรายล้อมบีบคั้นให้แบรนด์สินค้ามากมายต้องดายดิ้นและหายไป การต่อสู้กับศาสตราที่ชื่อว่า ‘พฤติกรรมผู้บริโภค’ ถือเป็นงานช้างที่ผู้ผลิตและสินค้ามากมายต้องเผชิญ โดยเฉพาะความต้องการและความพึงพอใจที่ไม่มีวันสิ้นสุด บีบให้ผู้ประกอบการทั้งหลายต้องรักษามาตรฐานพร้อมทั้งพัฒนาสินค้าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนหยัดอยู่อย่างยั่งยืน
Zippo อาจไม่ใช่แบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของธุรกิจ แต่อายุอานามร่วมศตวรรษ ก็คงจะไม่เกินไปหากจะบอกว่า นี่คือ หนึ่งในตำนานของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และยืนยันอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างยาวนาน
อยู่ได้โดยไม่ต้องง้อโฆษณา… อยู่ได้โดยไม่ต้องเทงบประชาสัมพันธ์มากมาย…

จุดแข็งกลายเป็นจุดขาย
Zippo ใช้กลยุทธ์การออกแบบเพื่อส่งเสริมความภักดีในตราสินค้าอย่างชัดเจน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับแบรนด์ที่เห็นในปัจจุบัน ชัดเจนที่สุดคงต้องยกให้สินค้าในนาม 'Apple'
บริษัท Apple Inc. เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการรักษาตราสินค้าให้อยู่ในกรอบที่บริษัทต้องการได้ดี จากครั้งอดีตที่มีความพยายามออกแบบคอมพิวเตอร์ให้แปลกใหม่และทันสมัยแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ จนมาถึงการเปิดตัวของสมาร์ทโฟนเปลี่ยนโลกอย่าง iPhone ที่นำเสนอระบบปฏิบัติการอัจฉริยะเสมือนคอมพิวเตอร์พกพา ตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด พร้อมหน้าตาโฉบเฉี่ยวทันสมัย จนเกิดการบอกต่อและความภักดีต่อตราสินค้า ซึ่งต่อมา Apple ก็สามารถขายอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มองในมุมของ Zippo จุดเด่นจากการเป็น ‘ไฟแช็กโต้พายุ’ จุดได้ทุกที่โดยไม่กลัวลม (แถมยิ่งแรงยิ่งลุก) บวกกับวัสดุประกอบชั้นเยี่ยม แข็งแกร่งทนทาน โดยทหารสมัยสงครามจะพกพาติดตัวไปด้วย บางครั้งถูกยิงกลับไม่เป็นอันตรายใดๆ เพราะคมกระสุนไปโดนเข้ากับ Zippo ที่อยู่ในกระเป๋า (บางอันที่ประมูลใน eBay มีรอยกระสุนฝังอยู่ด้วย) และนโยบาย รับประกันตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty) ซ่อมฟรีดูแลฟรี ซึ่งนโยบายดังกล่าวมีใช้อยู่ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันในประเทศอเมริกา และบางประเทศที่เป็นตลาดสำคัญของ Zippo (แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบ้างเล็กน้อย) ดังนั้น เมื่อเรื่องราวข้อดีทั้งหมดถูกบอกกล่าวกันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่น บวกกับการออกแบบที่โดดเด่น ผู้คนจึงนึกถึงคุณประโยชน์ของมันทันทีเมื่อมีการพูดถึง สร้างเป็นความจดจำ นี่เองที่กลายเป็นจุดแข็งมาถึงวันนี้

พันธมิตรทางธุรกิจสร้างเป็นสินค้าใหม่
เราได้เห็น Zippo ประเภทที่มีแกะสลักยี่ห้อโลโก้ของบริษัทห้างร้าน สินค้าแบรนด์เนม รูปคน สัตว์ กีฬา ดารา นักร้อง การ์ตูน กองทัพ สัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ ลายโฆษณาสินค้า เช่น รถยนต์ เหล้า บุหรี่ สายการบิน อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าอื่นๆ มากมาย ทั้งสร้างขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึก และอีกหลายๆ ครั้งเพื่อส่งเสริมการตลาดซึ่งกันและกัน
การจับมือร่วมกับสินค้าอื่นๆ เป็นการร่วมมือกันทางการตลาด นอกจากผลประโยชน์ทางด้านภาพลักษณ์ที่เอื้อต่อกันแล้ว การร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ยังก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านอื่นๆ อีก เช่น การขยายสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของแต่ละฝ่าย หรือกระทั่งช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับทั้งสินค้าและแบรนด์ไปพร้อมๆ กันด้วย
พบได้มากในธุรกิจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ยกตัวอย่างเช่น Adidas มีการ Co-brand กับดีไซเนอร์และนักร้องชื่อดังหลายคน ตลอดจนจับธีมบางอย่างมาใส่ไว้ในสินค้าของตน อาทิ Adidas Porsche design หรือ Adidas Original x Vespa เป็นการนำรากฐานและกลิ่นอายของแบรนด์สกูตเตอร์ระดับคลาสสิกมาสอดแทรกลงในการดีไซน์ หรือจะเป็น Puma ที่ร่วมกันกับ Ferrari และ Ducati ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่มีให้เห็นอย่างชัดเจน




ของโปรดนักสะสม
คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า ผู้ใช้ Zippo ส่วนใหญ่เป็นนักสะสมกลายๆ มักมีในครอบครองมากกว่าหนึ่ง ด้วยเสน่ห์ในตัวของมันและแบบที่มีมากมายมันช่างท้าทายนักสะสมยิ่งนัก เพราะสามารถสะสมได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น
'แต๋น – รังสรรค์ จันทร์วรวิทย์' ผู้ก่อตั้งและเจ้าของเว็บไซต์ www.zippadeedoo.com เว็บไซต์ของชมรมซิปโป้แห่งประเทศไทย เจ้าของร้านจำหน่าย Zippo ที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า
“ถ้าคุณลองสะสม Zippo อย่างจริงจัง รวบรวมได้ทุกแบบทุกประเภท ตั้งแต่รุ่นที่ผลิตปีแรกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน คุณอาจจะต้องใช้รถสิบล้อมาขน เพราะคุณจะเป็นคนที่มีไฟแช็กมากที่สุดในโลก นับได้เป็นแสนเป็นล้านเลย แต่ถ้าหากมาแยกเป็นประเภทแล้ว คุณจะได้ใช้รถคันเล็กลงในการขน แถมยังจ่ายเงินน้อยกว่า และได้ในแบบที่คุณต้องการมากกว่า
Zippo สัญชาติอเมริกันจะเน้นเป็นลายคลาสสิก มีเรื่องราวประวัติศาสตร์อยู่ในนั้น เช่น ลายชุดสงครามครั้งต่างๆ ลายศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ The Beatles, Elvis Presley, Marilyn Monroe ต่างจากของญี่ปุ่นจะเน้นแกะลายทันสมัย สีสันสวยงาม”




กลุ่มนักสะสม Zippo มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ใหญ่ที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา และไม่น้อยหน้ากันคือ ญี่ปุ่น เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น นิยมใช้แทนสัญลักษณ์แสดงความเป็นโสด ดังนั้นจะเห็นว่ามีคนที่หยิบ Zippo ออกมาโชว์ตามแหล่งนัดพบของวัยรุ่น สำหรับนักสะสมในเมืองไทยมีหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มที่สะสมเพื่อความเท่ และกลุ่มสะสมเป็นงานอดิเรก
หลายคนเป็นนักสะสมโดยที่ไม่สูบบุหรี่ ในประเทศไทยมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ศิลปิน ดารา คนดังหลายท่านก็เป็นนักสะสม ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบลายญี่ปุ่น เพราะมีสีสันให้เลือกเยอะ บางคนมีเป็นพันๆ ชิ้นก็มี ส่วนผู้ชายก็หลายหลากแตกต่างไป บ้างก็ชอบเซตที่เกี่ยวกับเรื่องราวที่ตนชอบ ศิลปินบ้าง แบรนด์สินค้าบ้าง และมีไม่น้อยที่ชอบแบบคลาสสิกผิวเรียบ ไม่มีลวดลาย ประเภทนี้จะเน้นดูที่ปีผลิต ยิ่งเก่ายิ่งดียิ่งมีราคา ในความเรียบก็จะมีรายละเอียดของพื้นผิวต่างกันไป ความแตกต่างของแต่ละรุ่น แต่ละปี สามารถดูได้จากด้านฐาน บางชิ้นผลิตขึ้นใหม่ แต่ใช้แบบของรุ่นเก่า ทำให้ต่างด้วยการระบุคำว่า REPLICA และปีที่ผลิต เพื่อไม่ให้สับสน”

หนึ่งคำถามที่หลายท่านอยากทราบ …เซตไหน แบบไหน ที่ราคาสูงที่สุด?
“รุ่นที่แพงที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็น รุ่นแรก ปี 1932 เพราะหายากมาก นอกจากนี้ก็มีรุ่นผลิตออกมาเป็นชุดๆ เพื่อฉลองครบรอบต่างๆ ชนิดที่ผลิตมาจำนวนจำกัด (Limited Edition) รุ่นพิเศษสำหรับสะสมของแต่ละปี ผลิตออกมาเพียงแบบหรือชุดเดียว และจำหน่ายเฉพาะในปีนั้นๆ (Collectible of The Year) อีกรุ่นที่มีราคาสูงและได้รับความนิยมจากนักสะสม ได้แก่ การ์ตูนดิสนีย์ สาเหตุที่ราคาแพงเพราะว่าช่วงปี 1980 ดิสนีย์ได้รณรงค์ให้คนงดสูบบุหรี่ ดังนั้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับบุหรี่จะเลิกจำหน่าย มันจึงกลายเป็นของหายาก และมีราคาแพง”



มีไว้เพื่อสนองความบันเทิง
จากลวดลายที่กล่าวไว้ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับสินค้าและเรื่องราวต่างๆ แล้ว ในหลายๆ รุ่นยังมีการแฝงไว้ซึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Puzzle แบบต่างๆ หรือ เกมกระดานที่เป็นเกมสากลมากมาย หรืออย่างในรุ่นใหม่ๆ มีเทคนิคลูกเล่นเยอะขึ้น บางอันทำเป็นลายแก้วเบียร์ พอเปิดไฟแช็กปริมาณเบียร์ในแก้วจะหมด หรือชุดเซอร์ไพรส์ เป็นลายไพ่พอเปิดออกมากลายเป็นไพ่อีกใบซ่อนอยู่ นำมาซึ่งความความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน
นอกจากนี้ กระแสที่นิยมไม่แพ้นักสะสมคือ กลุ่มคนเล่น Trick หรือ เล่นสนุกกับ Zippo โดยใช้มือพลิกไปมาในช่วงท่าต่างๆ ก่อนจุดไฟ กระแสนี้ทำให้เกิดกลุ่มคนนิยม Zippo รุ่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งรูปแบบการใช้งานของคนกลุ่มนี้จะแตกต่างกับกลุ่มนักสะสมอย่างสิ้นเชิง เพราะการได้มาซึ่งท่วงท่าเท่ๆ ต้องแลกมาซึ่งความผิดพลาดตกหล่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และปัจจุบันมีการคิดค้นท่าท่าทางต่างๆ เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนมากมาย ซึ่งหากย้อนไปสักประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ท่าเปิดและจุดไฟแช็ก มีอยู่ประมาณ 500 ท่าทาง แต่ทุกวันนี้มีเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ท่าแล้ว
*** อย่างไรก็ตาม การเล่น Trick อาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ผู้เล่นควรศึกษาวิธีการอย่างละเอียด เล่นอย่างระมัดระวัง มีสติและไม่ประมาท (เด็กๆ ควรอยู่ในการดูแลของผู้ปกครอง) ***




แบบจำลองโรงงานผลิต Zippo ในยุคแรก
เกร็ดประวัติศาสตร์ Zippo
ย้อนไปเมื่อ ปี 1932 George G. Blaisdell คิดค้นและก่อตั้งบริษัท Zippo Manufacturing Company ขึ้น ที่สหรัฐอเมริกา วันหนึ่งในงานเต้นรำ ขณะออกมาพักสูบบุหรี่ เขาได้เห็นเพื่อนคนหนึ่งพยายามจุดไฟแช็กโดยใช้มือทั้งสองข้างอย่างทุลักทุเล และไฟแช็กอันนั้นมีรูปร่างแปลกประหลาด เขาจึงอดหัวเราะเยาะไม่ไหว และพูดออกมาว่า “ทำไมคนที่แต่งตัวดีๆ ถึงได้ใช้ไฟแช็กที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองเอาเสียเลย” เพื่อนคนนั้นจึงบอกกับเขาว่า “ไฟแช็กที่ดีมีไว้สำหรับจุดไฟ เมื่อไรก็ตามที่ต้องการจะจุดมันต้องติด ไม่ว่าลมจะแรงขนาดไหน หรือสถานการณ์ใดๆ ไฟแช็กที่มีราคาแพง และสวยงามแต่จุดไม่ติดจะมีไปทำไม”
คำพูดไม่กี่คำของเพื่อนในคืนนั้นสะกิดใจเขาอย่างแรง เพราะที่ผ่านมาเขาคิดเสมอว่า ผู้คนน่าจะอยากได้อะไรที่ราคาถูกแต่ดูดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เรื่องของคุณภาพที่ดีต้องมาก่อน และเขาก็ได้ค้นพบว่าจะต้องทำไฟแช็กที่ดีออกมาขายให้ได้ จึงนึกถึงไฟแช็กราคาถูกจากออสเตรีย ที่ทำจากทองเหลือง ราคา 25 เซ็นต์อันนั้น และขอเป็นตัวแทนจำหน่ายไฟแช็กนั้นด้วย เขาต้องการทำให้ไฟแช็กนั้นดูดีขึ้นและต้องการขายในราคาที่สูงขึ้น เขาจึงนำไฟแช็กนั้นมาทำการชุบโครเมี่ยมที่ฝา และเพิ่มราคาขายเป็น 1 ดอลล่าร์ แต่ไม่สามารถขายได้เลยแม้แต่อันเดียว ซึ่งในเวลาต่อมาเขาจึงได้ค้นพบข้อเสียของไฟแช็กดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงทำการคิดค้น แก้ไข ดัดแปลงเพื่อแก้ปัญหาและข้อเสียต่างๆ ให้เป็นไฟแช็กที่สมบูรณ์
จากนั้นเขาได้ค้นคิดและพัฒนาไฟแช็กให้มีขนาดเหมาะสมกับฝ่ามือ และใส่บานพับเพื่อยึดฝาและตัวถัง ให้สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยมือข้างเดียวโดยไม่มีปัญหาใดๆ เหมือนกับที่เพื่อนเขาที่เจอกันในคืนนั้น และนำแผ่นโลหะเจาะรูเหมือนกับไฟแช็ก เพื่อป้องกันลม แล้วตั้งชื่อไฟแช็กนี้ว่า ‘Zippo’
ตั้งแต่นั้นมา Zippo รุ่นแรกจึงถูกวางจำหน่ายในปี 1932 โดยมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม มีบานพับสามข้อด้านนอก และเป็นต้นแบบให้ Zippo รุ่นหลังๆ ตลอดมา จนถึงวันนี้



ขอบพระคุณ ‘พี่แต๋น – รังสรรค์ จันทร์วรวิทย์’ ผู้ก่อตั้งชมรมซิปโป้แห่งประเทศไทย และเจ้าของเว็บไซต์ www.zippadeedoo.com สำหรับข้อมูลดีๆ และสถานที่สวยๆ
ร้าน Zippadeedoo
ห้อง C206 ชั้น 2 Suzuki Avenue เมเจอร์รัชโยธิน
โทร. 08 9677 0888, 089-691-0888

Facebook Fanpage : Zippo Club Thailand by Zippadeedoo
www.facebook.com/pages/Zippo-Club-Thailand-by-Zippadeedoo/113940138681869?fref=ts
 



เรื่อง : อิทธิพล เนียมสวัสดิ์
ภาพ: สุวิทย์ กิตติเธียร

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE