‘ไอดริส แอลบ้า’ ทำมันทุกอย่างที่ ‘รัก’ และ ‘รัก’ มันทุกอย่างที่ทำ


‘ไอดริส แอลบ้า’ (Idris Elba) น่าจะเป็นชายต้นแบบในเรื่อง Work Hard ได้เป็นอย่างดี เพราะเขาทำหลายอย่างในชีวิตมากมายซะเหลือเกิน ทั้งเป็นนักแสดงหนัง ละคร เป็นดีเจ เป็นนักร้องแร็ป เป็นโปรดิวเซอร์ เป็นผู้กำกับ เป็นนักมวย ฯลฯ เป็นอะไรต่อมิอะไรเพราะ เขาทำมันทุกอย่างที่ ‘รัก’ และ ‘รัก’ มันทุกอย่างที่ทำ

หลายปีมานี้แฟนหนังบ้านเราเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตา ‘ไอดริส แอลบ้า’ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากบท Heimdall ใน Thor (2011) Thor The Dark World (2013) และThor Ragnarok (2017) รวมไปถึงในหนัง Avengers Age of Ultron (2015) Avengers Infinity War (2018) หรือจะในบทผู้บัญชาการเหล่าเยเกอร์ใน Pacific Rim (2013) กัปตันยานอวกาศมาดคูลใน Prometheus (2012) และล่าสุดกับวายร้ายไฮเทคใน Fast and the Furious : Hobb & Shaw ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบทไหนก็ส่งผลให้เขาดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากฝีไม้ลายมือและรูปร่างหน้าตาอันดึงดูดใจ

นี่ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คหรือโชคช่วย! แต่เป็นเพราะการทำงานหนัก และหลง ‘รัก’ ใสสิ่งที่ตัวเองทำ

เพราะหากเราย้อนดูไทม์ไลน์ทั้งชีวิตของนักแสดงวัยย่าง 47 คนนี้แล้วจะเห็นว่ากราฟการงานโตขึ้นในเชิงบวกทุกๆ ปี แม้จุดเริ่มต้นชีวิตจะแทบติดลบเพราะเป็นลูกของผู้อพยพยากจนที่เข้ามาตั้งรกรากในอังกฤษ
บิดาของไอดริสนั้นเป็นชาวเซียราลีโอน ส่วนมารดาเป็นชาวกานา เมื่อทั้งคู่แต่งงานกันก็โยกย้ายหนีความยากลำบากมาตั้งรกรากที่ลอนดอน และให้กำเนิดเด็กน้อยนัยน์ตาสีน้ำตาลที่มีชื่อว่า Idrissa Akuna Elba ซึ่งต่อมาเมื่อเข้าเรียนประถม เจ้าตัวก็กร่อนชื่อตัวเองให้เหลือเพียง Idris Elba
ไอดริสผู้มีส่วนสูง 190 ซม. ดูจะเป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปร่างใหญ่โตเก้งก้างทีเดียว แต่รูปทรงเช่นนี้มันก็ไปได้ดีในฐานะนักกีฬาที่เขาเลือกเล่นมันทุกอย่างที่เล่นได้ แต่มากกว่านั้นเขาสนุกกับดนตรีมากกว่า



ปี 1986 ไอดริสในวัย 14 ปีเริ่มหลงรักเสียงเพลงและเข้าไปช่วยธุรกิจของลุงในการเป็นดีเจในงานแต่งงาน เขาทำได้ดีและมีเสียงชื่นชมไม่น้อย นั่นจึงเป็นแรงผลักให้ก่อบริษัทดีเจของตัวเองพร้อมกับเพื่อนและลาออกจากโรงเรียนมาเพื่อลุยงานหาเงินเต็มที่ในนามดีเจ ‘Big Driis’ ซึ่งขยายขอบเขตความสนุกไปสู่คนฟังในคลับต่างๆ อีกด้วย
ต่อไอดริสเริ่มมองหางานที่ท้าทายขึ้น(และเงินมากขึ้น) ด้วยการเดินเข้าสู่วงการซีรีย์ของอังกฤษในฐานะนักแสดง ซึ่งบทที่เขาเล่นได้ดีนั้นส่วนใหญ่จะหนักไปทางดราม่าของคนชายขอบในสังคม ซึ่งพลังการแสดงของเขาก็เปล่งประกายจนไปถูกใจโปรดิวเซอร์ซีรีย์ในอเมริกา และทำให้ไอดริสได้งานที่นิวยอ์ค ไหลเรื่อยจนเข้าสู่วงการหนังฮอลลีวู้ด
เวทีปล่อยของที่ใหญ่ขึ้นนี้เองทำให้เขาได้เข้าประกาศศักดาด้านการแสดงของตัวเองกับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมในงานลูกโลกทองคำเมื่อปี 2012 กับหนังอัตชีวประวัติ Mandela: Long Walk to Freedom ซึ่งตัวเขาเองรับบทเป็นเนลสัน แมนเดล่า และเพื่อให้อินกับความรู้สึกของเนลสันที่ต้องต่อสู้กับความอยุติธรรม ไอดริสถวายตัวกับงานนี้ด้วยการขังตัวเองหนึ่งคืนในคุกที่เนลสันเคยถูกจองจำ และอย่างที่เราเห็น หลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่มีบทไหนอีกเลยที่ไอดริสรับเล่นแล้วจะทำมันออกมาได้ไม่ดี

วันนี้แม้ไอดริสจะประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดง จนขยับตัวเองเป็นโปรดิวเซอร์ในซีรีย์ Turn Up Charlie (2019) ที่ฉายทาง Netflix แล้วก็ตาม แต่ทว่าความสามารถด้านการเป็นดีเจก็ยังไม่เคยทิ้ง ‘Big Driis’ ยังคงตระเวนออกไปวาดลวดลายผ่านลำโพงตามคลับดังต่างๆ รวมถึงไปแจมแร็ป ทำอัลบั้มเพลง และเล่นมิวสิควิดีโอและกำกับให้ศิลปินต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง จนบางคนเริ่มมองว่าไอดริสเป็นพวกบ้างานไปหรือเปล่า? แต่ไม่ใช่! เขาทำไปเพราะใจมัน ‘รัก’ ที่จะทำ เหมือนกับงานอื่นๆ

เช่นงานการเมืองที่เขาเป็นตัวแทนคนพลัดถิ่นในการประชุมเอาชนะเชื้อโรคอีโบล่าในเซียร์ราลีโอน หรือแม้แต่ต่อยมวย ที่ค่าย Discovery Channel ลงทุนทำสารคดีเรื่องราวของเขาในชื่อ Idris Elba : Fighter โดยมีโค้ชมวยไทยฝึกไอดรีส 12 เดือนเต็มให้กลายเป็นนักสู้ที่มีอาวุธครบเครื่อง (นั่นแหละที่ทำให้เราเห็นเขาถ่ายรูปคู่บัวขาวในไทย) และเพื่อเป็นพิสูจน์สิ่งที่เขาทุ่มเทลงไป ไอดรีสก็ได้ขึ้นชกอย่างเป็นทางการกับนักมวยอาชีพอย่าง Lionel Graves ที่เก๋าทั้งกระดูกและประสบการณ์ในรายการ Road to Glory UK ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งเพียงยกแรกเขาก็ทำให้ทั้งฮอลล์ตะลึงด้วยการคว่ำไลโอเนลลงได้ในยกแรก ชนะ TKO อย่างไม่มีข้อกังขาค้านสายตา

วันนี้ไอดรีสไม่ใช่แค่ไอดอลของใครต่อใคร แต่เขายังเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายคนที่กำลังสู้บนเวทีชีวิต เขาคือเครื่องพิสูจน์แล้วว่า แม้จะไม่มีความพร้อมใดๆ มาตั้งแต่เกิด แต่ในเมื่อร่างกายคุณมีเท่าๆ กับคนอื่น มันไม่ยากเกินไปหรอกที่คุณจะอะไรให้สำเร็จ เพียงแต่แค่ตั้งใจ อดทด มุ่งมั่น ‘รัก’ ในสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่ ‘รัก’ ทุกๆ วันให้ดีที่สุด แล้วความสำเร็จมันจะมาเอง
รูปภาพจาก idriselba / pinterest

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE