“ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่มีแฟนหรือไม่ แต่อยู่ที่ดำเนินชีวิตอย่างไร” จัดสมดุลชีวิตในแบบ ‘ปู ไปรยา’


‘ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก’ คือนักแสดงและนางแบบที่ยืนระยะในความเป็น ‘มืออาชีพ’ ได้อย่างยาวนาน และไม่มีแกว่ง!

แกว่งที่ว่านี้ทั้งในเรื่องงานและชีวิต ซึ่งเธอสามารถบาลานซ์ทั้งสองอย่างได้เป็นอย่างดี โดยล่าสุดได้รับเกียตริจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประกาศแต่งตั้งให้เธอเป็นทูตสันถวไมตรีคนแรกของประเทศไทย และคนแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปฏิบัติหน้าที่เป็นสื่อกลางส่งต่อเรื่องราวความทุกข์ยากจากผู้ลี้ภัยถึงพวกเราทุกคน

ทำไมเธอถึงมาอยู่ ณ จุดนี้ได้?
เธอมีวิธีจัดการชีวิตในหลากหลายมิติอย่างไรให้สมดุล?
วิธีคิดเช่นไรจึงทำให้กลายเป็น ‘ปู ไปรยา’ ในปัจจุบัน
…ลองฟังจากเธอดู  

ช่วงที่ผ่านมาเห็นว่ามีงานเยอะมากทั้งละครและเดินแบบ ดูแลตัวเองยังไงให้หุ่นดีอยู่ตลอด
เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น หาเวลาให้ตัวเองบ้าง ปูชอบเข้ายิม ชอบเล่นโยคะ เสียเหงื่อจะได้ไม่เครียด เพราะบางครั้งเราเจอผู้คนตลอดเวลา เราต้องหาเวลาให้เป็นตัวเอง อยู่คนเดียวบ้าง อ่านหนังสือ เข้าวัด อยู่ร้านกาแฟ มันจะเป็นอะไรที่เงียบกว่า

ปูอยู่ในวงการมานานแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพบสมดุลในชีวิต ถ้าเราไม่มีสมดุลในชีวิตมันจะไม่ดี เพราะอาชีพเราเป็นอาชีพที่มีกิเลสเยอะ เป็นอาชีพที่ทำให้เหลิงได้ง่าย เราเลยต้องหามุมที่มันติดดิน ดึงเราลงมา

ไปค้นพบวิธีนี้ได้ยังไง
ตอนที่ไปเรียนต่อเมืองนอก พอกลับมาแล้วทัศนคติการทำงานมันเปลี่ยน ถ้าเรามองว่าเป็นนางเอกตลอดเวลา มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เรารู้ว่าชีวิตเรามีความหมายมากกว่านั้น ชีวิตที่มีความหมายคือการที่เราได้ค้นพบและเรียนรู้จิตใจตัวเอง การที่เราอยู่คนเดียวเป็น อันนี้สำคัญสุดแล้ว ปูว่าผู้หญิงสมัยนี้ไม่ชอบอยู่คนเดียว ชอบอยู่กับแฟน อยู่กับเพื่อน ชอบโทรหาคนโน้นคนนี้

ไม่ไประบายลงไอจีหรือเฟซบุ๊กเหรอ เห็นหลายๆ คนชอบทำกัน
ไม่นะ ปูมองว่าทุกวันนี้มันเป็นอะไรที่แปลก เรามีอะไรเราต้อง inset หมด ต้องระบาย แต่จริงๆ บางครั้งแค่เราทบทวน ทุกเรื่องมันเป็นเรื่องเล็กมาก แล้วอาชีพนี้มันง่ายที่จะมองทุกเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมันเป็นอาชีพที่มีคนบิวด์อยู่ตลอดเวลา ให้เราโกรธ ให้เราหงุดหงิด แต่จริงๆ เราเย็นไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย

ข้อเสียของมันคืออะไรรู้มั้ย? อาชีพเราได้อะไรมาง่ายๆ งานวิ่งเข้าหาเราแล้วเราเลือกเอง ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราจะถูกบอกว่าเราสวย ดี เก่ง โน่นนี่นั่น เวลาที่เราเลิกกับแฟนเราก็มักจะไปหาคนใหม่เลยเพราะเราคิดว่าคนทั้งประเทศต้องเห็นว่ามีคนรักฉันนะ ถ้าไม่มีเขาต้องคิดว่าฉันไม่สวยแน่เลย แต่จริงๆ ถ้ามองอีกแบบ รักหรือไม่รัก ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่มีแฟนหรือไม่มี ค่าของคนไม่ได้อยู่ที่แต่งงานหรือไม่แต่ง ค่าของคนอยู่ที่เขาจะดำเนินชีวิตของเขาอย่างไร เขามีความสุขหรือเปล่า แค่เรามีความสุข แต่คนทั้งประเทศคิดว่าเราเหงาก็เรื่องของเขาสิ เราไม่ได้เหงา (หัวเราะ)
 
ปูสังเกตว่าข่าวบันเทิงช่วงหลังหลายคนมีประเด็นตลอด เพราะอะไร? เพราะเราวิ่งเข้าหาปัญหา เราต้องพิสูจน์กับคนอื่น ซึ่งเมื่อก่อนปูก็เป็น สังเกตสิว่ายิ่งหวังมันจะไม่ได้ แต่ปล่อยแล้วทำดีไปเรื่อยๆ มันก็มา ตอนนี้งานก็มีเข้ามามากมาย

เมื่อกี้บอกชอบอ่านหนังสือ อ่านแนวไหนบ้าง
โห… หลายแบบ novel นี่ชอบหมด รู้จักมูราคามิไหมคะ? (ฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนชาวญี่ปุ่น) ปูชอบตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว อย่างเรื่อง Norwegian Wood นี่ชอบมาก (ชื่อฉบับแปลภาษาไทย ‘ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย’ แปลโดย นพดล เวชสวัสดิ์) มาทำเป็นหนังด้วย ที่ชอบมูราคามิเพราะเขาทำให้อะไรที่มันไม่เป็นจริง เป็นจริงได้ มันมีองค์ประกอบความไม่เป็นจริงอยู่ด้วย

อย่างคนรักกันสองคนเป็นเรื่องปกติ แต่มันจะมีเหตุการณ์แปลกๆ เข้ามาด้วย แล้วเขาก็ชอบเขียนถึงเพลงแจ๊ซ ส่วนตัวก็ชอบแจ๊ซอยู่แล้ว เวลาที่เราเริ่มอ่านหนังสือ จินตนาการและความคิดมันจะเปิดกว้างกว่าเวลาทำอย่างอื่น

อีกแนวหนึ่งที่ชอบอ่านคือหนังสือธรรมะ โดยเฉพาะงานของพระเวียดนามชื่อติช นัท ฮันห์ (พระอาจารย์เซน ผู้สอนการฝึกสมาธิภาวนา เป็นกวี นักเขียน นักต่อสู้เพื่อสันติภาพ) เขาเป็นคนที่สอนว่าเราไม่สามารถรักใครได้ อย่างปูอยู่กับแฟน เราอยู่ด้วยความเข้าใจนะ คนเคยรักกันแล้วมาเกลียดกันเพราะเราไม่มีความเข้าใจ เวลาเราทำงานคนด่าเรา เราโกรธเขาเพราะเราไม่เข้าใจ เราต้องมองด้วยความเข้าใจว่าเขาก็มีเหตุและผลของเขา ถ้าเราเข้าใจ ชีวิตก็จะไม่มีความทุกข์ ไม่มีความเกลียด โกรธแค้น

อ่านงานของติช นัท ฮันห์ แล้วทำให้เราค้นพบ เป็นอย่างนั้นใช่ไหม
ใช่ จริงๆ ชีวิตเราก็มีอยู่แค่นี้ คนไทยอาจจะมองภาพปูเป็นคนเซ็กซี่ เปรี้ยว แต่ทำไมเข้าทางธรรม ซึ่งจริงๆ แล้วฝรั่งก็นั่งสมาธิ เข้าโบสถ์เหมือนกัน คนไทยมองว่าคนที่เรียบร้อยคือคนดี ใส่ชุดขาวคือคนดี แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น การแต่งตัวคือสิ่งที่เราชอบหรือเป็นอาชีพที่ต้องให้แต่งแบบนั้น

ตอนนี้เราอยู่ในยุคไอจี เฟซบุ๊ก ไลน์ เวลาที่เรามีเรื่องอะไรเราก็ไประบายตรงนั้น แต่ถ้าหัดปล่อยบ้าง อย่างนายไล่ออก เงินไม่มี แฟนทิ้ง ถ้าเราหัดพูดกับตัวเองดังๆ “ช่างมัน!” มันไม่ได้ตายนะ หัดไม่โฟกัสกับจุดจุดนั้นชีวิตเราจะดีขึ้น พระสอนให้คุณสังเกตหัวใจตัวเอง สังเกตความคิดตัวเอง จริงๆ การถือศีล 5 ไม่ใช่อะไร แค่ให้คุณระวังตัวเอง ไม่ก่อปัญหาให้กับตัวเอง ไม่หาทุกข์ แค่นั้นก็เป็นชาวพุทธที่ดีแล้ว

อย่างปูจะกินข้าวคนเดียวบ่อยมาก แฟนเขาทำงานเราก็ทำงาน ไม่ได้รู้สึกเหงาด้วย แต่คนก็มองเราแปลก ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลก ลองสังเกตคนในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะนักเขียน นักดนตรี เขาอยู่คนเดียวกันเยอะนะ เขามีเวลาใคร่ครวญ ปูอยู่ในวงการบันเทิงจะอยู่กับคนตลอดเวลา แล้วเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ให้ความสุขตัวเองเลย เรารู้สึกว่าเวลามีค่าขึ้น เราแฮปปี้นะที่ได้อยู่กับตัวเอง เพื่อนปูเป็นแบบนี้หมดเลย เทย่า (เทย่า โรเจอร์ส) ก็เป็น

แล้วจะถ่ายเซ็กซี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไหม
ก็เรื่อยๆ นะ มุมมองฝรั่งจะไม่เหมือนคนไทย คนไทยจะมองวาบหวิว มองว่าโป๊ ฝรั่งมองแค่เป็นเรื่องของร่างกาย มันเป็น natural ทุกวันเราก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊ แต่นี่คืองาน มันคือ this is the body คนไทยชอบถามว่าทำไมนางแบบฝรั่งถ่ายแล้วดูไม่โป๊ นั่นเขามองว่าเป็นเรื่องปกติ มันเป็นธรรมชาติ

อย่างเวลาที่ปูถ่ายก็จะไม่ทำอะไรที่ผิดธรรมชาติ เหมือนคนมองว่าเราทำตัวเปรี้ยวแต่ทำไมเข้าวัด คือถ้ามองใน logic ของมัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกนะ คนเปรี้ยวอาจจะไม่มีกิ๊กก็ได้ ปูว่าคนเรามันต้องแยกแยะ ภาพลักษณ์มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องคงอยู่ตลอด คนไทยชอบบอกว่าเป็นคนดีแล้วต้องอยู่แบบนั้น

จริงๆ เราต้องมองความเป็นคน การที่เราติคนก็เหมือนกับเราให้อาหารอีโก้ตัวเอง เพราะเรากำลังจะบอกว่าเราถูก ลองไม่ด่าใครสักสองเดือนชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก ลองสังเกตสิ ถ้าเช้าวันนี้คิดว่ามันเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตฉันเลย เรื่องแย่ๆ มันก็มาจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าวันนี้ดีว่ะ ตายังมองเห็น เตียงยังมีนอน แฟนก็ยังมีอยู่ แม้จะขี้บ่นก็ยังมีอยู่ ลองมองแบบนี้จะดีมาก มันเป็นเคล็ดลับของปูเลยล่ะ

แล้วถ้าวันไหนเหนื่อยสุดๆ ล่ะ ทำยังไง
เวลาที่ปูเหนื่อยมากๆ ปูต้องบอกตัวเองว่า ทุกวันนี้มีคนที่อยากได้จุดที่เรายืนอยู่มากแค่ไหน แต่อย่างที่บอก ค่าของชีวิตไม่ได้อยู่ที่เป็นที่หนึ่ง หรือเป็นคนมีชื่อเสียง ปูเห็นผู้หญิงสมัยนี้ยอมแก้ทุกอย่าง ผ่าหน้า ผ่าหน้าอก เราไม่เข้าใจ ยุคปูเป็นยุคแมวมอง ยุคที่ดาราไม่ได้อยากเป็นดาราแต่เผอิญได้เป็น แต่ทุกวันนี้คนอยากดัง อยากมีคนฟอลโลว์เยอะ ฮอลลีวู้ดก็เป็น

พอศัลยกรรมเข้ามาผู้หญิงเลยคิดว่าคนนั้นเขายังดังได้เลยด้วยศัลยกรรม ทำให้คนไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เห็นแล้วเศร้า บางคนอยากทำจริงๆ เพราะตัวเองไม่มีความมั่นใจในชีวิต ทำแล้วมันจะเปลี่ยนชีวิตเขา อันนี้เห็นด้วย ทำเลย แต่บางคนทำถึง extreme เพราะอยากสวยอยากเด่นอยากดัง

อยากให้ผู้หญิงหันมามองทางอื่นบ้าง ไม่อยากไปเป็นครู เป็นหมอ เป็นนักข่าว เป็นนักเขียนกันบ้างเหรอ? อย่างที่บอกเซ็กซี่ไม่ได้อยู่ที่หน้าอก ไม่ได้อยู่ที่แก้ผ้า แต่มันอยู่ที่ attitude ใช่! เซ็กซี่มองในรูป มีนม ตัวขาว แป๊บเดียวเขาก็เบื่อ แต่เซ็กซี่ที่ความคิดความอ่าน ความรู้ อันนี้ไม่น่าเบื่อนะ ผู้หญิงแม้จะสวยแค่ไหน ผู้ชายมองอาทิตย์เดียวก็เบื่อแล้ว

อย่างที่ Andy Warhol พูดไว้ ใครๆ ก็อยากดัง แต่ความดังมันไม่ใช่ทุกอย่าง เอาด้านอื่นมาดังกันบ้าง

เรื่อง : วรชัย รัตนดวงตา
หมายเหตุ …บทสัมภาษณ์นี้เคยตีพิมพ์ใน mars magazine / June / 2015
ขอขอบคุณภาพจากไอจี prayalundberg

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE