อหังการ์แห่ง Google !! : อริยะ พนมยงค์


บ่ายแก่ๆ ในออฟฟิศเก่าย่านพระอาทิตย์ เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีจอหนารุ่นเก่าหลายสิบเครื่องอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น โชว์ screensaver อักษร Window 7 บนพื้นดำ เฟดขึ้นในมุมของหน้าจอแล้วลับหายไปอย่างไร้เยื่อใย ไฟกะพริบเครื่องรับ wireless เป็นแสงเขียวต่อเนื่อง เสียงแอร์ญี่ปุ่นครางเบาๆ เหมือนช้างหายใจถี่ๆ อยู่ข้างหู

หนูอิเล็กโทรนิกเคลื่อนไหว ลูกศรบนจอโผล่ขึ้นมากะทันหัน ไอคอนเรียงตัวบนพื้นดำสนิทเหมือนดาวเคราะห์ในกาแล็กซี่ ระบบประมวลผลตื่นตัว เสียงดังคลิกบรรจบกับลูกศรเมื่อประทับบนไอคอน Internet Explorer หน้า Home กระโดดเข้ามาฉับพลัน ภาพปรากฏบนจอแสงขาว อักษร G-o-o-g-l-e มียี่ห้อ-ประเทศไทย-ห้อยติดข้างๆ วันนี้มีเค้กชิ้นใหญ่ประกอบวลีที่ว่า “ฉลองครบปีที่ 13” น่าแปลก 13 ปีเองหรือ? เหมือนชีวิตต้องเจอกับหน้าเพจนี้มาเนิ่นนานเกินกว่า
อักษรบนคีย์บอร์ดถูกเคาะ 2 ครั้ง สิ่งที่เราต้องการอาจอยู่ในนี้

-ไ-ฟ- [การค้นหาขั้นสูง] ผลการค้นหาประมาณ 23,700,000 รายการ

1.ไฟ – วิกิพีเดีย
ไฟ รูปแบบของการสันดาป ปรากฏการณ์ทางเคมีอย่างหนึ่ง ด้านภาษาศาสตร์ หมายถึงการรวมกันของแสงที่ลุกโชติ …
www.th.wikipedia.org/wiki/ไฟ – แคช – ใกล้เคียง

2.วิดีโอสำหรับไฟ
Clash – fai rák – ไฟรัก – YouTube / 5 นาที – 18 เม.ย.2006 / อัปโหลดโดย badfishlbc
www.youtube.com/watch?v=ZzA1avVQkyA

3.ผู้ผลิตโคมไฟ, ขายโคมไฟ, ประสบการณ์, ทำโคมไฟ, ผลิตโคมไฟ, กว่า 10 ปี, โคม …
เราคือ, ผู้ผลิตโคมไฟ, ขายโคมไฟ, ทำโคมไฟ, โคมไฟตั้งโต๊ะ, โคมไฟตั้งพื้น, โคมไฟแขวน …
www.orderlamp.com/ – แคช – ใกล้เคียง

 
ฯลฯ

-ไฟ- เป็นนวัตกรรมชิ้นแรกที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยเอาหินมากะเทาะเสียดสีจนเกิดประกาย นับตั้งแต่นั้นอารยธรรมก็กำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวนี้เรากดสวิตช์เรียกแสงสว่าง เปิดเตาแก๊สหุงต้มอาหาร กระทั่งจุดระเบิดส่งจรวดขึ้นไปบนดาวอังคาร ทุกสิ่งเกิดขึ้นโดยจุดเดียวกัน นั่นคือไฟ แต่อาจเป็น ไฟ ที่หล่อหลอมให้เรารู้จักก้าวไปข้างหน้า ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า

ไฟ ที่บรรจุไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ หลายครั้งที่ไฟก็มอดดับไป
หลายคนตามหาไฟ บ้างโทษคนอื่น โทษสิ่งแวดล้อม ถ้า..ทำอย่างนั้น ถ้า…ไม่ทำ เราคงมีชีวิตที่ดีกว่าตรงนี้ บ้างเลยเถิดไปถึงวาสนา บุญกรรมชาตินี้ ชาติหน้าไปเลย
บางคนใช้ชีวิตน่าอิจฉา บ้านรวย นามสกุลใหญ่ แฟนสวย สามีรวย ฯลฯ
ผู้ชายบางคนเกิดมามีพร้อมทุกสิ่ง อริยะ พนมยงค์ อาจรวมอยู่หนึ่งในนั้น (เชื่อว่าชายไทยเกินหนึ่งล้านคน อิจฉาเค้า)

โปรไฟล์ไม่ธรรมดา เกิดและโตในฝรั่งเศส เรียนตั้งแต่ระดับประถมถึงปริญญาโท แถมไปต่อโทอีกใบที่อังกฤษ เป็นหลานรัฐบุรุษอาวุโส พูดได้ 4 ภาษา เขายอมรับว่าถนัดฝรั่งเศสมากที่สุด รองลงมาคือภาษาไทย ตามด้วยอังกฤษ และเยอรมัน

อริยะ ใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศส ได้คลุกคลีกับปู่ปรีดี พนมยงค์ เป็นช่วงที่คนในตระกูลส่วนใหญ่รวมทั้งพ่อและแม่ของเขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นพอดี เพื่อนที่คบหาส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส สิ่งแวดล้อมแบบนี้อาจเปลี่ยนคนให้แตกต่าง
“การเดินทางช่วยเปิดมุมมอง ความคิดของเราให้กว้างขึ้น เปิดรับสิ่งใหม่ๆ มันไม่ได้คิดว่าอะไร จะต้องเป็นแบบไหน มันไม่ได้มีวิธีอยู่วิธีเดียวในการแก้ปัญหา หรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างมันมีหลายมุมมอง การที่เราได้เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอก ทำให้เรามีวิธีคิดอีกแบบ อีกชุดนึง แต่เมื่อกลับมาเมืองไทยเราก็ต้องมาดูวิธีคิดแบบเอเชีย แบบคนไทย ว่ามันเป็นยังไง เราไม่ได้ยึดติดกับอะไร เราพร้อมที่จะรับไอเดียใหม่อยู่เรื่อยๆ”

“บางทีคนเอเชียไม่ค่อยกล้าคิดกล้าออกเสียงแสดงความเห็นเท่าชาติตะวันตก เพราะว่าที่นี่มันอาจจะมีขั้นตอน มีการเคารพความเป็นผู้ใหญ่ เรื่องผู้อาวุโส คนที่สูงกว่าหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่แตกต่างสำหรับในองค์กรต่างชาติ หรือแบบที่เป็นสากล อาจจะต้องใช้วิธีคุยกันมากกว่า สุดท้ายมันก็ไม่ได้มีวิธีไหนที่ผิดหรอก ในแต่ละอย่างมันก็มีข้อดีแน่นอน”

อริยะโชคดีที่ครอบครัวเข้าใจในสิ่งที่เขาเลือก เรียนจบปริญญาตรีและโท สาขาคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ จาก University of Marne-La-Vallee บินไปเรียนต่อปริญญาโท สาขาธุรกิจที่เขาชื่นชอบ ที่ London School of Economics หลังเรียนจบเขาได้รับข้อเสนอจาก บริษัท ลอรีอัล เจ้าของผลิตภัณฑ์เส้นผมให้ทำงานที่อังกฤษ ฟรานซ์เทเลคอมเวลานั้นเพิ่งซื้อกิจการของออเร้นจ์มาได้ไม่นาน และกำลังขยายในหลายประเทศ ยื่นข้อเสนอให้เลือกว่าจะทำงานที่ไหนระหว่างโรมาเนียและเดนมาร์ก

อริยะเลือกที่จะไปหาประสบการณ์แปลกใหม่ในการบุกเบิกธุรกิจโทรศัพท์ ออเร้นจ์ โรมาเนีย ยุโรปตะวันออก ที่ยังไม่เคยได้สัมผัส เริ่มจากเป็นนักเทคนิคดูแลการสร้าง network จากนั้นย้ายไปทำ customer service เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งใหม่ ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับเขา เป็นการเรียนรู้สำคัญในช่วงนั้น

ประสบการณ์กว่า 14 ปีในวงการโทรคมนาคม ซอฟต์แวร์ บริหารจัดการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัดสินใจประกาศแต่งตั้งเขาในตำแหน่ง ผู้จัดการประจำประเทศไทย หลังจากที่ใช้เวลาและกระบวนการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำทีมสำหรับประเทศไทยอย่างเข้มข้นและยาวนาน
เป็นโอกาสทองที่คนหนุ่มคนหนึ่งได้รับบทบาทพัฒนาองค์กรระดับโลก

“เรากับวัฒนธรรมองค์กรมันใกล้เคียง ในแง่ของโอกาส สำหรับคนในรุ่นที่เรียกได้ว่าเติบโตมากับ Google มันเป็นองค์กรที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ทำให้ชีวิตผมและอีกหลายๆ คนเปลี่ยนไป การที่ Google เค้ามาเปิดตัวที่เมืองไทย ทั้งผมและทีมงานตื่นเต้นท้าทายกับมันมาก เราได้โอกาสที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น มันเป็นอะไรที่สนุก เหนื่อยแน่นอน แต่ก็สนุก”

“บ้านเรามีโอกาสที่ดี เห็นๆ อยู่คือ จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมันเยอะขึ้น เติบโตรวดเร็ว 30 เปอร์เซ็นต์ของประชาชน หรือ 25 ล้านคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ อีกส่วนคือ สมาร์ทโฟน คนเริ่มเข้าเน็ตจากมือถือ ทั้งโลกเลยที่เป็นอย่างนี้ นี่คือสิ่งที่มันเห็นชัดๆ เราจะไปไหน คิดอะไรไม่ออก เราก็คว้ามือถือ search ทันที ใช่มะ มันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยเราไม่มีอย่างนี้ ตอนนี้มันต้อง Now Vision ต้องเดี๋ยวนี้ ทันทีเลย ผมจะ Social Network ผมต้องอัปรูปทันที คอมเมนต์ทันที รอไม่ได้ คุยกับเพื่อนทันที จะหาข้อมูลในเน็ตต้องตอนนี้ สมมติผมถามว่า คุณรู้ไหม วันเกิด Google วันไหน ไม่รู้ก็หาเอาสิ ภายใน 5 นาที คุณก็ตอบได้แล้ว”

“วันนี้ผมก็ยังนึกไม่ออกนะว่าเมื่อก่อนเราใช้ชีวิตอยู่ยังไง มันมาอยู่กับเราตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่ามันมีช่วงชีวิตนึงที่เราไม่เคยใช้มือถือมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ให้ใช้มือถืออีกก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ผมว่าถ้าลองไม่ให้ใช้อินเทอร์เน็ตสักอาทิตย์นึง มันหงุดหงิดนะ ผมพยายามบาลานซ์ เราไม่ควรจะมีแค่ชีวิตในโลกออนไลน์ เป็นไปไม่ได้ และไม่ควรด้วย เราต้องเจอผู้คน เรามีเพื่อน เรามีครอบครัว มีเพื่อนร่วมงาน ผมยังชอบที่จะนั่งคุยกันแบบนี้ ไปร้านกาแฟ นั่งคุยกันชั่วโมงสองชั่วโมง”
Google สร้างขึ้นจากกรอบความคิดที่การทำงานต่างๆ ล้วนมีความท้าทายสูง และความท้าทายนั้นควรมาพร้อมกับความสนุกสนานควบคู่กันไป ดังนั้นเมื่อ Google เฟ้นหาผู้บริหารคนใหม่ที่จะมาเป็นผู้นำสำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ผู้บริหารที่เหมาะกับตำแหน่งนี้จำเป็นต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในด้านการทำงานแบบมืออาชีพ และสะท้อนความเป็น Google ที่แท้จริงในตัวตน หรือที่คนภายในองค์กรเรียกว่า Googley

Googley นิยามแบบง่ายๆ อาจเป็นมนุษย์ผู้มีบุคลิกแบบ Google คนหนุ่มไฟแรงเลือดใหม่ที่แสวงหา น้อยคนนักที่เป็นเป้าหมายที่องค์กรนี้ต้องการ อาจเป็นบททดสอบสำคัญที่อริยะจะใช้วัดความสามารถของตนเอง

“ผมอยากจะทำให้ความเป็น Google มันมีความเป็นไทยอยู่ด้วย ผมไปออฟฟิศ Google แทบจะทั่วโลก แน่นอนเราไปเรื่องงาน ไปประชุม แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็จะไปซึมซับวัฒนธรรม Google ซิดนีย์ สิงคโปร์ อเมริกา พนักงานสองหมื่นกว่าคน ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า เท่ากัน เราเดินเข้าไป เราไม่รู้จักใคร อยู่ดีๆ เค้าก็ทักเรา ซึ่งถ้าอยู่องค์กรอื่นเราก็จะรู้สึกแปลก ก็เอ๊ะ เรายังไม่รู้จักกันเลยนี่ แล้วมันก็จะเกร็งๆ คือ เอ่อ คุณมาจากไหน หน้าเราไม่คุ้น คือเค้าเดินมาคุยเลย เป็นเรื่องธรรมดา มันทำให้โลกเปลี่ยนไป ความเปิดเผย ต่อให้เราเจอกันครั้งแรก ก็ถามเลยว่า คุณมาจากไหน คุณทำอะไรอยู่ ในแง่ของไอเดีย ความคิด อะไรดีที่สุด เราไม่ได้มองว่าใครผิดหรือถูก ไม่มีใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้อง ทุกคนมีสิทธิเท่ากันในการแสดงความคิดเห็น ผมมองว่ามันเป็นข้อดี แล้วทุกคน Enjoy สนุก มีไฟ พร้อมสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ”

“เราไม่มีขั้นบันไดเยอะ (Organization Chart) เหมือนองค์กรอื่นๆ ซึ่งทำให้เราทำงานอย่างอึดอัด ที่นี่ทำงานแบบไม่มีเลเยอร์ แฟลตมาก ไม่สำคัญว่าคุณอยู่แผนกไหน ใครอยู่ประเทศอะไร เราต้องมีความสามารถทำงานด้วยกันได้ แม้กระทั่งหลายคนที่นั่งอยู่ที่ออฟฟิศเมืองไทย หลายคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมนะ เจ้านายเขานั่งอยู่สิงคโปร์ แต่เราต้องทำงานด้วยกันได้ อันนี้เป็นความสามารถเฉพาะที่เราหาในตัวคนที่อยู่ในองค์กรอย่าง Google ได้ เพราะหากเป็นคนที่คิดตีกรอบ จะทำให้งานไม่เดิน”

ผู้ชายได้ชื่อว่าเป็นช้างเท้าหน้ามาแต่โบราณ วันนี้บทบาทของผู้หญิงทัดเทียมขึ้นมาเทียบเท่าในหลายๆ ด้าน ผู้หญิงอาจเป็นเพศละเอียดอ่อน ต่างกันที่ผู้ชายมักทะเยอทะยาน โลดโผน โดยเฉพาะสัญชาตญาณของผู้ล่า หรือเรียกให้โก้เก๋หน่อยก็คือ นักแสวงหา ค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด

“ชีวิตผมนะ ชัดเจนมาก คือผมเป็นคนที่ชอบเดินทาง สมัยก่อน ผมจะไปไหนกับแฟน หน้าที่ผู้ชายก็ต้องหาข้อมูล จะไปต่างประเทศสักสิบวัน เราต้องดูข้อมูล ว่าจะไปนอนที่ไหน ตรงไหนน่าไปกิน คนท้องถิ่นเค้าทำอะไรกัน มีที่ไหนที่เราควรต้องไปดู ที่ไหนต้องไปซื้อของ สมัยก่อนนะผมต้องศึกษาก่อน เอานี่เลย Lonely Planet มากางเลย อ่านก็ยาก เล่มหน้าต้องอ่านให้หมด ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเลยไม่ต่ำกว่าเดือนนึง วันนี้สิ่งที่ผมทำคือ ผมวางไว้เลย ผมพกแค่มือถือไป แล้วผมก็ search ตอนนี้ผมอยู่ตรงไหน แถวนี้มันมีอะไร ตรงไหนน่าสนใจ อะไรน่าดู แล้วจะไปยังไงล่ะ เปิดนี่เลย Google Map จะไปยังไง ซ้าย ขวา กี่ร้อยเมตร เนี่ย ผมพกแค่มือถือ จะติดต่อเรื่องงานก็ส่งอีเมลได้ ทำได้ทุกอย่าง ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ผมทำได้เองหมดเลย ทันที”

“มันคือความเป็นผู้ชาย คือการแสวงหา จะเป็น Gadget ร้านอาหาร จะไปกินกันที่ไหน มันคือเป็นสิ่งทั่วไปที่เราจะค้นหากันอยู่แล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบเรื่องรถกันอยู่แล้ว อย่างช่วงที่เทรนด์ SUV (Sport Utility Vehicles) มาแรง เราก็จะหาข้อมูลแล้วว่า เฮ้ย รถ SUV ไหนดีกว่า ราคาเท่าไหร่ มีใครรีวิวมาบ้างไหม มีอะไรแนะนำ ข้อดีข้อเสียยังไง คือถ้าเราดูโฆษณาทางทีวี แน่นอนเค้าก็จะบอกว่า ของเค้าดีที่สุด แต่วันที่เราหาเองได้ เราเป็นคนตัดสินเอง ตลอดเวลาที่ผมหาข้อมูล หาแบรนด์หนึ่งไปเจออีกแบรนด์หนึ่ง ที่สุดผมอาจจะเปลี่ยนใจ ว่าเฮ้ย เราเอารุ่นนี้ดีกว่า ดูรีวิว รูปภาพ วิดีโอ เค้าไป Taste Drive นี่จะเป็นวิธีการใช้อินเทอร์เน็ตแบบฉลาด เราไม่ได้ถูกป้อนข้อมูลฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่ไม่ใช่ เราคือคนที่สามารถตัดสินได้แล้วว่าเราจะเชื่ออะไร”

ว่ากันตามตรง Google จ้างให้อริยะมาคิดต่าง คิดนอกกรอบ คิดอย่างสร้างสรรค์เพื่อสร้างให้ Google พัฒนาไปไกลกว่านี้ อะไรที่ทำให้กูเกิลนึกอยากจ้างเขาขึ้นมา อาจไม่ใช่เพราะเขาเจ๋ง บ้านรวย นามสกุลใหญ่ มองให้ลึก คนเก่งแค่ไหน อยู่ที่เขาเปิดใจรับคนเก่งกว่าได้ไหม โดยเฉพาะการไม่ยอมรับว่า “กูเจ๋ง” พร้อมจะพัฒนาตัวให้ “เจ๋ง” กว่าเก่า บางครั้งวัฒนธรรมฝรั่งก็เป็นสิ่งที่เราต้องกลับมาย้อนคิดเปรียบเทียบกับระบบราชการหรือกระทั่งเอกชนบ้านเรา
“คิดว่า ไม่ว่าคนน่ะอยู่ที่ไหน สิ่งที่มีคือ หนึ่ง ความคิดเห็น สอง เค้าอยากออกความคิดเห็น อยู่แค่ว่ามีโอกาสที่จะได้พูดไหมมากกว่า ดังนั้นเราต้องสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้คนกล้าพูดคุย คือพูดมันออกมา มันไม่ใช่กล้าคิดนะ เพราะผมเชื่อทุกคนน่ะกล้าคิดอยู่แล้ว การที่เราได้มีคนมาแชร์ไอเดียช่วยกันคิด มันดีกว่าการที่เราจะต้องมานั่งแก้ปัญหาอยู่คนเดียว จะมีสักสิบคน ร้อยคน มันก็จะมีไอเดียใหม่ๆ แล้วก็จะมีคนมาแก้ปัญหากันมากกว่าโยนกันไป โยนกันมา”

“ถ้าไม่มีไฟ ผมไม่อยากทำอะไรเลยนะ คิดถึงถ้าเราตื่นขึ้นมา เราต้องใส่เต็มที่เลย ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ผมจะทำในสิ่งที่มีไฟ ที่รัก เราอยากจะทำจริงๆ ถ้าเรามีไฟแล้ว ต่อให้งานเยอะก็ไม่เหนื่อย เจอปัญหา เราก็มองมันที่ทางออก เราเจออุปสรรค ก็มองมันเป็นโอกาส ทำให้มุมมองความคิดเปลี่ยนไป ผมเป็นคนทำงานแบบตรงไปตรงมา มีอะไรคุยกันได้ มีไอเดีย ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครผิดใครถูก เราช่วยกันคิด ถือเป็นสไตล์การทำงานที่ค่อนข้างฝรั่งนิดนึง ผมคิดว่าเป็นวิธีการทำงานที่ดี คือเราไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา ตรงประเด็นไปเลย อันนี้คงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเข้ากับองค์กร Google ได้”

เลิกนั่งอ่านแล้วอิจฉาเสียที ทุกคนมีไฟอยู่ในตัว เชื่อสิ! ปิดคอมพ์ได้แล้ว เราต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้!

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE