'แต่เพียงผู้เดียว' ความรักและตัวตนคนร่วมสมัย


ชีวิตรักของแต่ละคนแตกต่างกันไป
บางคนได้ยินคำปิฎิเสธว่า “เธอดีเกินไป” จนเอียน น่าแปลกใจที่คน 2 คนมาอยู่ด้วยกันมันอาจเริ่มต้นที่ความรักความปรารถนา แต่ทำไมต่อมาจึงต้องเลิกร้างห่างลากันไปตามทางจากความไม่เข้าใจกัน คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผู้กำกับหนังเรื่องล่าสุด “แต่เพียงผู้เดียว” พยายามค้นหาคำตอบที่มีอยู่ในความสัมพันธ์ของคน และค้นพบสิ่งที่น่าตระหนกสำหรับคนที่กำลังจะมีรัก อยู่ในช่วงแห่งรัก หรือกำลังจะจบความรักในเร็ววัน โปรดฟัง!!!

แม้เจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้โชกโชนและล้นประสบการณ์ แต่หนังรักที่ประสบความสำเร็จจากทั้งเวทีในและนอกประเทศการันตีความจัดจ้าน อาทิ รางวัลทางด้านภาพยนตร์ กอด (2551) เฉิ่ม (2548 ) และ สยิว (2551) ซึ่งหนังที่เพียงเอ่ยชื่อทุกคนต้องรู้จักอาทิ เดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก (2547) Happy Birthday (2551) Me Myself ขอให้รักจงเจริญ (2550) และหนังเรื่องล่าสุด แต่เพียงผู้เดียว P-047 ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ ก็ล้วนเป็นหนังที่มีกลิ่นอายของความรัก หรือความลับในความรักของแง่มุมต่างๆ

แต่เพียงผู้เดียว P-047
หนังเล่าเรื่องของ เล็กช่างทำกุญแจ ที่ไม่เคยใสใจกับการใช้ชีวิตและยังคงไม่เคยพบเจอกับความรัก กับก้องเด็กแผงหนังสือ ที่กำลังจะโดนไล่ออกจากงานซึ่งมีความหลังกับเพลงที่เกิดขึ้นในรักแรกสมัยมหาวิทยาลัย วันหนึ่งก้องชวนเล็กไปเล่นเกมสนุกๆ นั่นคือการไขกุญแจเข้าไปในห้องของคนอื่นๆในช่วงเวลาที่เจ้าของห้องไม่อยู่ เพื่อที่จะไปลองใช้ชีวิตแบบเจ้าของห้องดูบ้าง พวกเขาเข้าไปกินข้าว นอนฟังแผ่นเสียง อาบน้ำ เล่นดนตรี ก่อนจะปัดกวาดเช็ดถูทุกร่องรอยอย่างไม่หลงเหลือ จากไปอย่างไร้ร่องรอยตามที่พวกเขาคิด ทั้งสอง รื้อค้นชีวิต ความลับ ข้าวของต่าง ๆ จนมาพบกับห้อง ๆ หนึ่งซึ่งเป็นความลับของความรักที่ไม่อาจเปิดเผย ก้องเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของชายผู้หนึ่งเพียงเล้กน้อย แต่ทั้งหมดเป็นชวนลุกลามไปใหญ่โตนำไปสู่เหตุการณ์นอกเหนือการควบคุม
หากแม้แต่ภาพในจินตนาการที่ชัดเจนยังสามารถแปลงร่างกลายเป็นความทรงจำ สิ่งที่คิดขึ้นมาเองด้วยความทึกทักยังกลายเป็นความเชื่อและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจจะถูกบันทึกไว้ – ถูกลบให้สูญหาย – และถูกเขียนขึ้นใหม่อย่างบิดเบือน ทั้งจากฝีมืออันชำนิชำนาญและความยอกย้อนของหัวใจ ทั้งจากผู้อื่น และแม้กระทั่งตัวเราเอง หากชีวิตคือการหยิบยืมเรื่องราวจากผู้อื่นมาต่อยอดชีวิตเราออกไป นำมาทำสำเนา หรือดัดแปลงจนเป็นของเรา และสุดท้ายก็ส่งต่อกันไปผ่านมือกันครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วจะหลงเหลือสิ่งใดที่เป็นของเรา…แต่เพียงผู้เดียว



ความรักที่ไม่ใช่ของใคร แต่เพียงผู้เดียว
มันเป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของคนน่ะครับ แต่เพียงผู้เดียวเป็นเรื่องราวที่มาจากแนวความคิดที่ว่า คนเรามักจะซึมซับทุกสิ่งรอบตัว เอามาประกอบกันกลายเป็นตัวตนของเรา เช่น จากเพลงที่เราฟังตอนเด็กๆ จากหนังที่เราเคยดู จากประสบการณ์เลวร้าย จากความทรงจำอันเจ็บปวด สิ่งต่างๆรอบตัวเหล่านี้ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ “ตัวตนของเรา” กลายเป็น “ตัวตนของเรา” อย่างทุกวันนี้แต่ถ้าชีวิตเราล้วนแล้วแต่ ประกอบรวมจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามารอบตัว…แล้วอะไรบ้างละ ที่จะเป็นเพียงของเรา “แต่เพียงผู้เดียว” อย่างแฟนที่เราคบกันมา ก็ต้องยอมรับว่า มันต้องซึมซับอะไรบางอย่างเข้าหากัน อย่างคำพูดบางคำของแฟน ได้ยินบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคำพูดติดปากของเราไปเลย บางทีคิดไปเลยว่า อยู่ด้วยกันมากๆ หน้าตาจะเหมือนกันไปเลย (หัวเราะ) แต่สิ่งที่สำคัญก็คือความรู้สึกนึกคิด ความทรงจำที่เก็บไว้นี่แหละครับ ที่จะเป็นตัวบ่งบอกการมีอยู่ของตัวเรา และตัวเขา
แต่เพียงผู้เดียวมันเป็นชื่อขัดแย้งน่ะครับ ที่จริงมันแสดงถึงความเป็นออริจินอล แต่บังเอิญว่ามนุษย์เรามันไม่เหลือสิ่งนี้อยู่แล้ว ผมก็เลยตั้งชื่อนี้มาเพื่อเย้ยตัวเอง เย้ยมนุษย์ เย้ยโลกครับ ไม่มีอะไรที่เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว ตัวเราก็ไม่ใช่เป็นของตัว กางเกง เสื้อตัวนี้ก็ไม่ใช่เป็นของเรา มันจะเริ่มเป็นอนัตตาเข้าไปทุกทีแล้ว (หัวเราะ) แต่จริงๆ นะ เฮ้ย มันไม่ได้ยากอย่างนั้นนะ มันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากเลย ความเปลี่ยนแปลงมันอยู่กับเราทุกวันน่ะครับ แต่เราแค่ไม่อยากยอมรับมันเท่านั้นเอง



“เราไม่เหมาะสมกัน” เป็นข้ออ้างหรือความจริง
ผมกลับคิดว่ามันเป็นการหวงแหนพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป คิดแต่เพียงว่าตัวเองมีตัวตน ไม่ได้พยายามมองคนอื่น แม้ว่าจะเป็นคนใกล้ๆ ตัว คนข้างๆ กันมักจะเลิกร้างกันพอความหวงแหนความเป็นตัวเองมากเกินไป แบบเธอเป็นคนแบบนี้ ฉันเป็นคนแบบนี้ เราเข้ากันไม่ได้ เธอไม่ดีพอสำหรับฉัน แต่ฉันไม่ผิดหรอก ฉันเลวเกินไป เธอดีเกินไป มันคือข้ออ้างสำหรับการบอกว่า เธอกับฉันมันเป็นสารคนละประเภทกัน จริงแล้วมันเป็นเรื่องของการหวงแหนตัวตนน่ะ หวงสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่า
แล้วการไปเจอใครใหม่ มันก็คือการไม่ให้เกียรติกัน ก็แล้วแต่สถานการณ์นะ นอกใจก็ได้ ไม่นอกใจก็ได้ มันเป็นข้ออ้าง ท้ายสุดแล้วมันก็เป็นแค่ข้ออ้างในการเก็บตัวเองเอาไว้ จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้นะ ท้ายสุดมนุษย์โลกมันเห็นแก่ตัวอยู่แล้วครับ คือถ้ามองในแบบปรัชญาพุทธว่าตัวเรามันไม่มีอะไร เราก็ไม่ตระหนักถึงตัวตน คิดแบบนี้อย่างเดียวก็ลำบาก ดังนั้นชีวิตคู่ของคนปัจจุบันน่ะมัน ยาก เพราะว่ามีตัวตน ไอ้สิ่งที่คิดว่าตัวเองเข้าใจน่ะ เยอะ แล้วมีพื้นที่ให้ตัวเองได้สำแดงความเป็นตัวเองก็เยอะ มีโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีเฟซบุ๊คก็ตั้งสถานะของตัวเองขึ้นมา วันนี้มีอะไร ทำอะไร จนทุกวันนี้มีแต่คนเสพติดตัวตนของตัวเอง แล้วก็ทำให้เข้าใจว่า นี่ฉันเป็นอย่างนี้ ฉันเปลี่ยนไม่ได้ ฉันคือสิ่งนี้ แล้วถ้าเธอรับไม่ได้ ฉันก็อยู่กับเธอไม่ได้ ไอ้วิทยาสมัยใหม่ เทคโนโลยี่นี่แหละเป็นตัวกระตุ้นตัวตน มันมาด้วยกัน บางทีเรายังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แล้วเราเป็นอะไร บางทีเราเจอเพื่อนในเฟซบุ๊ค เป็นแบบหนึ่ง ก้าวร้าว แต่พอเจอตัวจริงๆ ตรงหน้า เอ๊ะ ไม่เห็นจะก้าวร้าวเลย ตกลงมันคืออะไรกันแน่วะ อะไรคือสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมา คุณสร้างความก้าวร้าวบนเฟซบุ๊ค หรือว่าคุณสร้างความสุภาพเมื่อผมเจอหน้าคุณ คือตัวคนน่ะมันเป็นสิ่งที่โกหกกันได้ ดัดแปลงกันได้เสมอ
แต่ยอมรับว่าผมสนใจเรื่องห้องอยู่แล้ว ห้องน่ะมันไม่โกหก ผมเจอคุณน่ะ คุณโกหก เพราะคุณสร้างสิ่งที่คุณอยากให้ผมรับรู้ได้ ผมไปอ่านที่คุณโพสในเฟซบุ๊ค คุณก็โกหกได้เหมือนกัน ไม่รู้คุณไปเอาคำคมของใครมาแปะ แล้วก็แบบว่า กูน่ะโคตรคมเลย แต่ห้องมันไม่โหกครับ ห้องของคุณก็มีความเป็นคุณอยู่ในนั้น มันไม่โกหกครับ มันทำให้การเข้าห้อง เป็นการสลัดตัวตนของคนมากองไว้ที่ห้องนั้น




ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แล้วทำไมเรายังร้องไห้ให้กับมัน
ความรัก ถ้ามองในแบบโรแมนซ์มันก็โรแมนซ์ได้ แต่ถ้ามองให้มันเป็นเรื่องต่ำช้า มันก็บัดซบได้เหมือนกัน มันไม่ได้มีแต่มุมดีๆ มันตกต่ำได้เหมือนกัน แต่มนุษย์ ยังไงมันก็ต้องการสิ่งนี้ มันขาดความรักไม่ได้ เหมือนอาหาร เหมือนปัจจัย4 แต่ว่าในวัยนึงเราอาจจะให้ความหมาย ให้ค่า ตีโพยตีพาย มากพอสมควร เท่านั้นเอง มันก็คงยิ่งใหญ่และงดงามในช่วงเวลาหนึ่ง
ความปรารถนามันมีวันจางหายได้ แต่ว่าถ้าเราใช้เวลาด้วยกันได้นานพอและยอมรับข้อไม่ดีของกันและกันได้ ต่อให้ความปรารถนามันน้อยลง มันจะมีสิ่งอื่นที่ดีกว่ามาทดแทน มันไม่ใช่เซ็กซ์ มันไม่ใช่เรือนร่าง มันไม่ใช่ความงาม มันไม่ใช่ความหวาน ขอให้อยู่ได้เถอะ ถ้าผ่านมันได้แล้วจะเจอรับรอง เขาพิสูจน์กันมานักต่อนักแล้ว เป็นร้อยๆ ปีตั้งแต่บรรพบุรุษเรา แต่มันก็มีนะแบบ จางไปแล้ว แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วก็อยู่กันไปแบบเซ็งๆ หนืดๆ ก็มี
สุดท้ายแล้ว ความรักไม่ใช่สิ่งที่คนต้องการเสมอไปหรอก แล้วในหนังรัก ของผม ทุกคนก็ไม่ได้จบแบบแฮบปี้ เอ็นดิ้ง แต่ถามว่า ถ้าคนเราจะเรียกร้อง ก็ร้องเรียกร้องให้สมหวังอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ผมพูดถึงความรัก ผมอยากให้คนดูตะหนักถึงตัวเองก่อนดีกว่า พอมันตระหนักได้แล้ว มันก็จะได้ไปนึกถึงคนข้างๆ ด้วยว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์ยังไงต่างหาก เพราะฉะนั้น ตัวหนังมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจบแบบแฮบปี้เอ็นดิ้งเสมอไป ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้น อย่างในหนังคุณเห็นคนสองคนกลับมากอดกัน มารักกัน แต่หลังจากนี้คุณไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะไปต่อยังไง แล้วมันจะจบสวยแบบวันนี้รึเปล่า
 
 

 

OFFICIAL TRAILER แต่เพียงผู้เดียว , P-047 

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE