'สวย-เก่งเว่อร์' โบว์-ธัญญะสุภางค์

สำหรับคอหนังไทย คงจะได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือในการแสดงของหญิงสาวคนนี้ไปแล้ว จากผลงานภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายสดๆ ร้อนๆ เรื่อง “เค้าเรียกผมว่าความรัก” และคงจะสงสัยใคร่รู้ว่า หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักผู้มาขโมยหัวใจของ “เป้-อารักษ์” ในเรื่องนั้น คือใครกันหนอ?

“โบ-ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์” คือหญิงสาวคนที่ว่า เรากับเธอนัดพบกันในยามบ่ายของวันฟ้าโปร่งโล่งฝน และสนทนาแบบตาจ้องตา แน่นอนว่า ไม่ต้องรอให้กามเทพมาแผลงศร เราก็พบว่าจากการพูดการจา ตลอดจนตัวตนความคิดของเธอ ก็ทำให้เราเพ้อเพียงพอแล้ว

ถ้าคนทั่วไปชอบขอสามคำสำหรับหลายสิ่ง เราก็คงไม่มีคำไหนให้กับเธอดีไปกว่าคำว่า “หลงรักอ่ะ” (555) แล้วคุณคุณล่ะ จะให้ 3 คำสำหรับเธอ ว่าอย่างไร?span>

การที่เด็กคนหนึ่งจะชอบงานในวงการ ชอบได้ ไม่ผิด มันก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ไม่ได้แตกต่างจากอาชีพอื่น ไม่ได้แตกต่างจากอาชีพหมอ หรืออาชีพที่มีเกียรติอาชีพอื่นๆ เลย เพียงแต่ว่าถ้าชอบเพียงเพราะเห็นว่ามันง่าย โบว์ไม่เห็นด้วยค่ะ
รู้มาว่าโบว์เป็นเด็กรักเรียนมาก ใช่ไหมครับ?
ใช่ค่ะ คือก่อนหน้านี้ เป็นเด็กเนิร์ดมาก ทั้งชีวิตของโบว์จะมาในแนวทางวิชาการตลอด ยิ่งเราอยากจะเป็นนักการทูตด้วยแล้ว ก็เลยจะเนิร์ดมาตลอด เนิร์ดจนวินาทีสุดท้าย

รักเรียนขนาดนี้ ต้องได้เกรดดีแน่นอน?
ป.1-ม.6 โบว์ได้เกรดเฉลี่ยทั้งหมด 3.98 ค่ะ

โอ้โห เกรดเฉลี่ยสูงมาก มีเคล็ดวิชาที่ทำให้เป็นคนเรียนเก่งหรือเปล่าครับ?
โบว์จะบอกตัวเองอยู่เสมอว่า “ทำไม่ได้ เป็นไม่ได้ หรือว่าไม่ได้ทำ” โบว์รู้สึกว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่น่าเจ็บใจมากไปกว่าการที่วันหนึ่งข้างหน้า เรามองย้อนกลับมาแล้วเรารู้สึกเสียดายที่เราไม่ได้ทำบางสิ่งบางอย่าง เพราะฉะนั้น เวลาที่โบว์เรียนหนังสือ โบว์จะบอกตัวเองว่า โบว์ต้องทำให้เต็มที่ เพราะถ้าทำไม่เต็มที่ วันหนึ่งข้างหน้า โบว์จะต้องเสียใจแน่ๆ โบว์จะต้องรู้สึกเสียดาย และมันจะต้องเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ ดังนั้น มันจึงเป็นแรงกระตุ้นให้เราเต็มที่กับสิ่งที่เราทำอยู่ และยิ่งพอเราทำได้ดี เราก็ยิ่งจะอยากทำให้มันดียิ่งๆ ขึ้นไป โบว์คิดว่า พรสวรรค์ ยังไงก็แพ้ขยัน สำหรับโบว์นะ คนอื่นอาจจะคิดอีกแบบ โบว์ไม่ใช่คนฉลาดนะ หรือฟังอะไรครั้งเดียวแล้วเข้าใจเลย

จากที่เคยเป็นเด็กเรียน ตอนนี้เริ่มใจแตกแล้วใช่ไหม?
555 ใช่ค่ะ เริ่มใจแตกแล้ว หลงใหลแสงสีในวงการ (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกค่ะ พูดเล่น คืออยากจะเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ไปแคสต์หนัง มีคนมาแคสต์ตั้ง 4-5 ร้อยคน ดารามาแคสต์ก็เยอะ ขณะที่เด็กๆ วัยรุ่นเดี๋ยวนี้อยากจะเข้าวงการกันเยอะ

มันเป็นค่านิยมของวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคนี้หรือเปล่า?
ใช่ค่ะ ทั้งค่านิยมและด้วยค่าตอบแทนที่เป็นสิ่งล่อตาล่อใจ โบว์ก็เลยรู้สึกว่าเด็กอยากจะเข้ามาเยอะ อายุของคนที่จะเข้ามาก็จะเด็กลงทุกที โบว์อายุ 21 โบว์มีความรู้สึกว่าเราเด็กแล้วนะ แต่พอโบว์ไปแคสต์งานหลายๆ ที่ พอโบว์บอกว่าอายุ 21 เขาก็จะ “โห 21 แล้วเหรอ” โบว์เลยคิดว่า 21 นี่มันแก่มากเลยเหรอ เขาก็บอกว่า โอ๊ยยย…เดี๋ยวนี้ นางเอกอายุ 15-16 กันเท่านั้นแหละ นั่นก็ทำให้โบว์ไม่เคยคิดว่าจะได้รับโอกาสอย่างนี้ มายืนอยู่ตรงนี้ เพราะว่ามันตีรันฟันแทงกับคนอื่นเยอะเหมือนกัน แต่ว่าพอได้มา โบว์มีความรู้สึกว่า บางที ชีวิตเรามันขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ดังนั้น ถ้าจังหวะและโอกาสมาถึง เราก็ต้องเต็มที่กับมัน คุณพ่อคุณแม่จะสอนโบว์ตลอดว่า คนเราเกิดมามีชีวิตเพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวนี่มันน้อยนะ แต่ถ้าเราใช้โอกาสเพียงครั้งเดียวนั้นให้คุ้มค่า ครั้งเดียวนั้นก็เกินพอแล้ว

โบว์ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเสียหายที่เด็กๆ อยากจะเข้ามาในวงการ โบว์เข้าใจ เพราะเมื่อก่อน โบว์ก็เคยคิดว่างานในวงการเป็นงานที่ง่าย ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย มีคนแต่งหน้าทำผมให้ด้วย คือตอนเด็กๆ อย่างโบว์เป็นผู้หญิงก็ชอบแต่งตัว วันไหนถ้ามีช่างแต่งหน้าแต่งให้ เราก็จะรู้สึกสบาย ได้แต่งตัวสวยๆ มันมีความสุขนะ มันเหมือนเป็นเจ้าหญิง แล้วไปยืนยิ้มหน้ากล้องสวยๆ แค่นั้นก็ได้เงินแล้ว ดีจะตาย ใครไม่อยากทำ แต่พอโบว์ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้แล้ว บางทีมันก็เหมือนกับเรามองอะไรบางอย่างจากภายนอก กับการที่เราได้เข้าไปอยู่ในจุดนั้น มันเปลี่ยนไปเลย ต่างกัน

งานวงการมันไม่ได้ใช้แค่รูปลักษณ์เท่านั้น มันจะต้องใช้ไหวพริบ จะต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ มันจะต้องใช้ความสามารถหลายด้านมาก คุณไม่ใช่แค่แสดงอย่างเดียว คุณใช้ศักยภาพในการร้องรำทำเพลง ซึ่งมันใช้พลังงานเยอะมากจริงๆ เหมือนนักกีฬาเลยอ่ะ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด ดังนั้น การที่เด็กคนหนึ่งจะชอบงานในวงการ ชอบได้ ไม่ผิด มันก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ไม่ได้แตกต่างจากอาชีพอื่น ไม่ได้แตกต่างจากอาชีพหมอ หรืออาชีพที่มีเกียรติอาชีพอื่นๆ เลย เพียงแต่ว่าถ้าชอบเพียงเพราะเห็นว่ามันง่าย โบว์ไม่เห็นด้วยค่ะ เพราะมันจะอยู่ได้ไม่นาน โบว์อยากให้มองมันให้ลึกกว่านั้น แล้วถ้าเกิดว่าชอบจริงๆ อันนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน

การที่เราทำให้คนอื่นมาชอบเรา มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรนะ แต่การที่เราจะทำตัวเองให้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้นั้น มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่า
หลังจากเราได้ลงสนามจริงมาแล้วหนึ่งเรื่อง เป็นอย่างไรบ้างกับครั้งแรกนี้?
โบว์มีความรู้สึกว่างานนี้ทำให้โบว์เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทำให้โบว์พัฒนาตัวเองมากขึ้นในหลายๆ ด้าน ทำให้โบว์มีความรับผิดชอบมากขึ้น ได้เจอผู้คนมากขึ้น ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น เราชอบอะไร หรือเราเป็นคนยังไง

หลงใหลมั้ย?
หลงใหลเหมือนกันนะ แต่เนื้อย…เหนื่อย (หัวเราะ) โบว์มีความรู้สึกว่ามันสนุกดีค่ะ โบว์ตื่นมาทุกเช้าแล้วเห็นงานรออยู่ตรงหน้า และเราก็มีความสุขที่จะทำมัน

แล้วอย่างนี้ โอกาสที่เราจะสูญเสียนักการทูตสวยๆ ไปคนหนึ่ง จะเป็นไปได้ไหม?
โอ้โห (ยิ้ม) จริงๆ นักการทูตผู้หญิง มันไม่ค่อยมีอยู่แล้วนะ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เพราะด้วยโอกาสและข้อจำกัด แต่จริงๆ มีผู้หญิงเก่งอีกเยอะนะคะ

เริ่มมองเห็นเป้าหมายอะไรบ้างหรือยังครับ?
เป้าหมายของโบว์ไม่ใช่ว่าอยากให้คนมาชอบโบว์นะคะ โบว์อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ โบว์เห็นว่าการที่เราทำให้คนอื่นมาชอบเรา มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรนะ แต่การที่เราจะทำตัวเองให้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้นั้น มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่า แล้วถ้าโบว์ทำได้แบบนั้น โบว์จะรู้สึกดีมากๆ ได้ใช้สิ่งที่โบว์เรียนมา ได้ใช้ความสามารถที่โบว์มี คือเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครสักคนได้ โบว์รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก

ถ้าใครอยากจะมาทำความรู้จักโบว์ โบว์ไม่อยากให้มองแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก เพราะคนเรามันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ

เรารู้สึกว่านอกจากหน้าตาคุณจะสวยแล้ว ความคิดคุณก็สวยด้วย?
โอ๊ยยย… (ยิ้มเขิน) ไม่นะคะ โบว์ไม่คิดว่าตัวเองเกิดมาสวย ตอนเด็ก โบว์ไม่ใช่คนสวย โบว์สายตาสั้น ใส่แว่นตาหนาเตอะ แล้วฟันก็เหยิน และเพราะเราเป็นนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียน ก็ทำให้ตัวเราแกร็นๆ ดำๆ เป็นแบบนั้นตั้งแต่เรียน ป.1ถึง ม.3 ดอกไม้สักดอกจากใครก้ไม่เคยได้เลย จนกระทั่งถึง ม.3 แว่นตาหักสามครั้งซ้อน ก็เลยมีความรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วอ่ะ มันไม่สบาย ก็เลยเปลี่ยนมาใส่คอนแทกต์เลนส์ แล้วพอปิดเทอม ม.3 ก็ดัดฟัน ถัดจากนั้นไม่นาน มีคนมาถามเราว่า “น้องย้ายมาจากโรงเรียนอะไร” แบบว่าจำไม่ได้ว่าเป็นเราอ่ะ เจ็บปวดมาก แล้ววาเลนไทน์ปีต่อมา จำได้ว่าโบว์ได้ดอกไม้ 102 ดอก โบว์ก็เลยมีความรู้สึกว่า…อืมมม โบว์น่ะรู้สึกว่าตัวเองคือคนเดิมนะ ก็ยังเหมือนเดิม แต่ก็รู้ว่าตัวเองหน้าตาดีขึ้น ไมได้น่าเกลียด แต่รู้สึกว่ามันจะอะไรขนาดนั้น

เหมือนโลกเปลี่ยน?
โลกเปลี่ยนค่ะ โบว์เข้าใจว่าหน้าตามันเป็นเฟิร์สอิมเพรสชันอยู่แล้ว แต่คนเราอ่ะ ปฏิบัติต่อคนที่หน้าตาสวยกับคนที่ไม่สวยแตกต่างกัน ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น และจริงๆ โบว์ก็คิดว่า สวยไม่สวย ไม่ใช่ประเด็น แต่โบว์มีความรู้สึกว่าแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง มันต้องออกมาจากภายในน่ะค่ะ

จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ว่าปฏิบัติต่างกันนะ เพียงแต่ระยะเวลามากกว่า ระยะเวลาที่จะทำให้คนหันมาสนใจเรา มันใช้เวลามากน้อยต่างกัน ถ้าเป็นสมัยก่อน ตอนที่โบว์หน้าตาไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ ถ้าเราชอบผู้ชายคนหนึ่ง แล้วเราอยากให้ผู้ชายคนนั้นมาสนใจเรา โบว์จะต้องพัฒนาเสน่ห์จากภายใน อาจจะเป็นคนคุยสนุก อาจจะต้องเป็นคนเก่ง เพื่อจะทำให้เขามาสนใจเรา ต้องใช้ระยะเวลาในการโน้มน้าวให้เขามาสนใจในตัวเรา แต่พอเรามีรูปลักษณ์หน้าตาที่จะเตะตาเขา พอเรามีเสน่ห์ด้านหน้าตาขึ้นมาบ้าง ถ้าเราจะให้ใครมาสนใจ ถ้าเขาสนใจหน้าตาเรา ที่เหลือก็ไม่ต้องใช้เวลามาก

เหมือนว่าตอนนี้เสียงเราดังขึ้น?
ใช่ค่ะ เสียงของเราดังขึ้น คือในเรื่องรูปร่างหน้าตา โบว์จะมีความรู้สึกว่า ถ้าพูดในภาษาเศรษฐศาสตร์ เขาจะมีคำว่า ดีพรีชิเอชัน (Depreciation) คือคนเก่งน่ะ เขาจะมองว่า ศักยภาพของเขาพัฒนาขึ้นได้ทุกวัน ซึ่งโบว์มองว่ามันก็เหมือเสน่ห์ที่สามารถพัฒนาขึ้นได้ทุกวัน ความรู้เพิ่มขึ้นได้ทุกวัน แต่ความสวยไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปนะ รูปร่างหน้าตาไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป มันกลับจะลดลงด้วยซ้ำ ดังนั้น โบว์คิดว่า ถ้าใครอยากจะมาทำความรู้จักโบว์ โบว์ไม่อยากให้มองแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก เพราะคนเรามันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ

ในวันที่โลกมองเราอย่างหลงใหลนี่ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง?
โอ๊ย โบว์ยิ่งรู้สึกว่าโบว์จะต้องยิ่งระวังตัวมากขึ้น เหมือนคนนอยด์เลยเนาะ (หัวเราะ) โบว์คิดว่าถ้าผู้ชายที่โบว์รู้จัก ตอนที่ไม่ได้หน้าตาดี โบว์รู้สึกว่านั่นแหละที่เขาชอบเราที่เป็นตัวเราจริงๆ แต่พอหน้าตาดีปุ๊บ คนที่มาชอบเรา มันจะมีหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้เฉพาะชอบเราที่ตัวตนของเรา ส่วนมากจะเข้ามาเพราะถูกใจหน้าตาก่อน แล้วค่อยดูว่าเรามีนิสัยเป็นยังไง เข้ากันได้หรือเปล่า ก็แปลกดีค่ะ และบางที มันก็อาจจะอยู่ที่เปลือกนอกมากขึ้น ฉาบฉวยมากขึ้น

เมื่อก่อนหน้าตาแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
โห พอพี่เป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ-นักแสดงร่วม) เห็นรูปเราตอนเป็นเด็กนะ พี่เป้ถามเลยว่า “น้องรถคว่ำมาเหรอ” โอ๊ยยย ดูพูดสิ

แล้วจริงๆ รถคว่ำไหม?
ไม่ได้คว่ามมม… (ยืดเสียง แล้วหัวเราะ)

โบว์จะเป็นคนที่คบใครจริงจังมากนะ ถ้ามองไม่เห็นอนาคตกับผู้ชายคนไหนนะ โบว์จะไม่คบเลย
มาพูดเรื่องหนังบ้าง คิดว่าคนดูจะได้อะไรบ้างจากหนังเรื่องนี้?
ตอนที่โบว์รับเล่นหนัง โบว์รู้ว่าพี่วศิน (วศิน ปกป้อง ผู้กำกับ) เคยทำ “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก” มาแล้ว โบว์เห็นว่าบทมันดี และเชื่อมั่นพี่วศิณ คิดอยู่แล้วว่ามันจะดี และพอได้ดูตอนที่หนังเสร็จแล้วออกฉาย รู้สึกว่าหนังดีเกินความคาดหมายของเราไปเยอะมาก ไม่ใช่โรแมนติกคอเมดี้เหมือนหนังวัยรุ่นทั่วไป แต่แก่นของเรื่องมันมีความเป็นอมตะอยู่ พล็อตเรื่องอาจจะดูสมัยใหม่ แต่แก่นที่พยายามจะสื่อถึงคนดูแล้วคนดูจะต้องรู้สึกเหมือนโบว์ คือความรักเป็นสิ่งไม่ตายน่ะ สมัยก่อนมีความรักยังไง สมัยนี้ความรักก็ยังเป็นอย่างงั้น คนก็ยังมีความรักกันเหมือนเดิมในสมัยนี้ แล้วมันก็ทำให้คนดูมีมุมมองด้านความรักกว้างขึ้น แล้วโบว์คิดว่ามันจะเป็นหนังที่โดนสำหรับหลายๆ คน เพราะมันไม่ใช่จะมีแค่เฉพาะคู่นางเอกกับพระเอก มันมีหลายคู่ ดังนั้น ไม่คู่ใดคู่หนึ่งก็ต้องโดนใจคนดูบ้าง

ถ้าให้เปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก?
โอ้โห เทียบไม่ได้เลย คนละแนวเลยค่ะ แต่สิ่งที่หนังสื่อออกมา ทั้งสองเรื่อง มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน พี่วศินจะพูดเสมอว่า ในโลกนี้มีสิ่งไม่ดีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ความรักเป็นสิ่งดีๆ สิ่งหนึ่งในโลก

ในหนังมีพูดเรื่องกามเทพ โบว์เชื่อเรื่องกามเทพไหมครับ?
กามเทพในมุมมองของพี่วศิณ มันไม่ใช่ใครสักคนที่มีศรรักไว้แผลงปักอกใครให้รักกัน หรือใส่แพมเพิร์ด คือถ้าใครอยากไปดูหนังเรื่องนี้เพราะอยากเห็นพี่เป้ใส่แพมเพิร์ด อยากจะบอกว่าไม่ใช่นะคะ คือหนังเรื่องนี้เขาพยายามจะสื่อว่า กามเทพเป็นคนที่อยู่รอบตัวเรา เหมือนเป็นคนชง เป็นคนจุดไฟสปาร์กระหว่างคนสองคน

แล้วในโลกความจริง มีกามเทพมาแผลงศรรักปักอกเราบ้างหรือยังครับ?
ก็มีแฟนบ้างค่ะ เป็นไปตามวัยอันสมควร (555) ตอน ม.ปลาย ก็คุยกับคนโน้นคนนี้บ้าง เพราะอยู่โรงเรียนสหฯ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนะ ทีนี้ พอเข้ามหา'ลัยก็มีบ้างที่คบกันเป็นเพื่อนสนิท เป็นไปตามวัย (ยิ้ม)

คนที่ทั้งสวยและเก่งแบบนี้ มีสเป๊กผู้ชายไหม?
โบว์ชอบผู้ชายที่คิดทันกัน เรื่องของสเป๊กแบบสูงต่ำดำขาว โบว์ไม่มีเลยนะ อย่างที่บอกว่า โบว์วัดคุณค่าของคนจากภายในมากกว่า แล้วโบว์มองว่าการที่คนสองคนจะมีคยามสัมพันธ์กันหรือคบกันเป็นแฟน การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการสื่อสารเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้คนเราเข้าใจกัน ถ้าไม่เข้าใจกันก็ไม่สามารถเข้าใจกันได้ เพราะบางที ชีวิตมันก็มีเรื่องที่เป็นปัญหา มันจึงต้องมีอะไรที่ทำให้เราเข้าใจกันได้ สิ่งนั้นก็คือ การสื่อสาร ดังนั้น โบว์จะชอบผู้ชายที่ฉลาด คิดทันกัน และพร้อมที่จะเข้าใจเรา และที่สำคัญ โบว์จะเป็นคนที่คบใครจริงจังมากนะ ถ้ามองไม่เห็นอนาคตกับผู้ชายคนไหนนะ โบว์จะไม่คบเลย

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE