ผีเสื้อสาว ท่ามกลิ่นคาวกลางคืน : ร็อคซี่จูน


สมัยนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเพลง “ตื๊ด” และสารถีผู้คัดหลั่งอารมณ์ที่เราเรียกกันติดปากว่า “ดีเจ” ในแวดวงของผู้ที่ชื่นชอบแนวเพลงรีมิกซ์ในประเทศไทย ชื่อของเธอถูกเรียกขานในฐานะ “ดีเจหญิง” ที่โด่งดังที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ และยังกังวานไกลไปถึงต่างแดน

“ทุกคนรู้จักและเก็ตหมด ไม่ใช่ทุกคนไม่รู้จักเพลงตื๊ด ไปผับแล้วยืนงง เขาเปิดเพลงอะไรกัน” จิณปภาณ ปรีดานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อดีเจ “ร็อคซี่จูน” เปิดฉากสนทนาในท่าทียืนยันคำกล่าวตามความหมายนั้น

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด กระแสเพลงแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สำหรับนักท่องราตรีผู้นิยมความมัน ท่ามกลางแสงสีวิบไหวในยามค่ำคืน แมลงกลางคืนต่างส่ายสะโพกกันอย่างบ้าคลั่งตามสถานบันเทิงยามวิกาล โดยมีเสียงพากย์จากดีเจและบทเพลงจากแผ่นขับขานเร้าอารมณ์

สแครตช์แผ่นหนึ่งวัน
รับมากกว่าคนทำงานหนึ่งเดือน

เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักท่องราตรีว่า เมื่อใดที่ไฟหรี่แสงและเสียงดนตรีบนเวทีค่อยๆ เบาลง เมื่อนั้นคือเวลาทำงานของดีเจ

“1-2 ชั่วโมง เสร็จแล้วค่ะ รับเงินง่ายๆ” ดีเจสาวเอ่ยแซมยิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อว่า กระแสเพลงแนวนี้มีอิทธิพลกับคนส่วนใหญ่แถมรายได้ก็ค่อนข้างดี จึงทำให้อาชีพการเป็นดีเจกลายเป็นสิ่งที่คนให้ความสนใจ

“รับเงินง่ายๆ” เราทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ พร้อมกับไม่รีรอที่จะไขข้อข้องใจกับสิ่งที่เธอบอก “รายได้เป็นอย่างไร” เราถาม

“ก็คุ้มนะ วันหนึ่ง จูนทำงานได้เท่ากับคนทำงานบริษัทเดือนหนึ่ง” เธอแจกแจงให้ฟังว่า สนนราคาเริ่มต้นที่ 5 พันบาทสำหรับผับคนไทย ส่วนงานอีเวนต์ขยับขึ้นอีกเล็กน้อยที่ 1หมื่นไล่ไปจนถึง 2 หมื่นบาท และยิ่งเป็นจ็อบต่างประเทศนั้นราคาจะพุ่งเป็นเท่าตัวอยู่ที่ 2 หมื่น 5 พันบาทขึ้นเลยทีเดียว

“เมื่อก่อนมองว่ามันไม่มั่นคง แต่ตอนนี้มีเงินเก็บเป็นล้าน” เธอหันมายิ้มก่อนเปรยต่อว่า ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามันจะทำเงินได้เยอะขนาดนี้ จำได้เลยว่าครั้งแรกของการเป็นดีเจเปิดเพลงได้ชั่วโมงละ 300 บาท ก่อนที่จะขยับขึ้นจากหลักร้อย เป็นหลักพัน แล้วก็หลักหมื่น ตามลำดับ

แค่เปิดเพลงมันจะไปยากอะไร ใครๆ ก็เปิดได้ เรารู้ว่าคุณคิดเช่นนั้น

“ตอนนี้เรื่องของการเป็นดีเจ ค่อนข้างง่าย เพราะว่าเรื่องของเทคโนโลยีมันเข้ามา มีคอมพิวเตอร์ มีเครื่องเล่นคอนโทรลเลอร์ใช้สำหรับหาบีต ควบคุมเสียง มันก็กลายเป็นเรื่องที่หลายๆ คนมองข้าม เพราะว่ามันง่าย มีคอมพ์มีกราฟิกขีดๆ ให้ดู เมื่อก่อนไม่มีคอมพ์ใช้แผ่นเปิดมันก็ค่อนข้างยาก กว่าจะเปิดเพลงเป็น กว่าจะหาบีตตรงกัน 2 เพลงที่มันไม่เท่ากัน ตอนนี้มันก็ง่าย หลายๆ คนก็เข้ามาเป็นง่าย

“ถ้าให้วัดเรื่องความสามารถ ให้ดูตรงเรื่องของเพลงมากกว่า เวลาเปิด ลูกค้าเอนจอยไหม สนุกไหม การมิกซ์เพลง เอาเพลงนั้นมาต่อเพลงนี้ แล้วฟีลลิ่งมันได้ไหม คุมให้มันดร็อปลง หรือว่าคุมให้มันสนุกขึ้นเรื่อยๆ เคยเห็นดีเจประเภทเปิดแล้วแบบอารมณ์ประมาณ นิ่งๆ ตรงๆ เท่ากัน ไม่มีความรู้สึกสนุกเลยก็มี แต่ถ้าเราเปิดแล้วทำให้ลูกค้าสนุก ลูกค้าเอนจอย เขาก็จ้างเรา”

รักในสิ่งที่ทำ

จะว่าไปแล้วอาชีพศิลปิน เป็นอาชีพที่ต้องพึ่งพา “ชื่อเสียง” หรือรางวัลการันตี สำหรับใช้ประกอบอาชีพระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้

“ใช้ ก็ต้องเริ่มจากการเป็นที่รู้จักก่อน แต่ละคนมันก็ไม่เท่ากัน ดีเจบางคนมาถึงก็โด่งดังเลย บางคนก็อยู่มาเป็นปีก็ไม่มีวี่แววว่าจะดังเหมือนเดิม อย่างดีเจผู้ชายที่เก่งๆ ได้ทั้งแชมป์ประเทศ แชมป์ต่างประเทศ แต่เหมือนว่าเขาไม่มีโอกาส

คือมันเป็นเพราะลุคของผู้หญิงด้วย อย่างที่บอกว่ากระแสดีเจผู้หญิงตอนนั้นมีไม่ค่อยเยอะ นับได้เลย ดีเจผู้หญิงมีไม่ถึง 10 คนที่เปิดใช้งานได้จริงๆ เราก็เลยเหมือนเป็นตัวเลือกแรกๆ ก่อนคนอื่น จุดนี้เองที่ทำให้มีงานทั้งในและต่างประเทศ

หลังจากที่คร่ำหวอดในวงการร่วม 10 ปี จนกลายเป็นเจ๊รุ่นใหญ่คนหนึ่งที่น้องๆ รุ่นใหม่สามารถพึ่งพาพึ่งพิงส่งเสริมชื่อเสียง ถึงขั้นปั้นให้ดังได้เลยทีเดียว

“ตอนนี้กลุ่มของเราทั้งหมด 9 คน จัดงานปาร์ตี้ที่ชื่อว่า Next Party ออกแนวออร์แกไนซ์ เราเป็นผู้ดูแลทั้งหมด ตั้งแต่ดิวงาน สถานที่ จัดเวที คือเราจะไม่ค่อยลงไปเล่นแล้ว แต่เป็นการให้คนโน้นคนนี้มาเปิดแทน เพื่อเปิดโอกาสให้ดีเจหลายๆ คนมารู้จักกันและมาทำงานร่วมกัน เพราะกลุ่มดีเจบางกลุ่มบางคนเขามีฝีมือแต่ไม่มีโอกาส เขาไม่ดัง เขาไม่รู้จักร้าน แต่เราค่อนข้างเป็นที่รู้จัก เราก็เลยทำตรงนี้ขึ้นมา”

แม้เจ้าตัวจะออกปากว่าเป็นเรื่องของ “โชคชะตา” และ “จังหวะ” ที่นำพาให้เธอมาสู่จุดนี้ได้ แต่ก็ใช่ว่าคนเราจะสามารถประสบความสำเร็จได้เพียงเพราะพึ่งพา 2 สิ่งนี้ หากแต่ว่าฝีไม้ลายมือที่เธอไม่ได้เอ่ยนั้นการันตีด้วยตารางงานที่แน่นเอี้ยดตลอดสัปดาห์ทั้งในและต่างประเทศ พ่วงด้วยตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยประเภทหญิงในปี 2010 ก็คงเป็นที่ประจักษ์เพียงพอ

“แล้วแรกเริ่มเดิมทีอะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจมาประกอบอาชีพดีเจ” เราถามเพราะเชื่อว่า “อาชีพดีเจ” คงยังไม่ถูกระบุอยู่ในสารบบคำว่า “อาชีพ” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำนัก ณ ตอนนั้น

“นั่นน่ะสิ เราทำด้วยความรัก ความชอบมากกว่า เลยไม่ได้คิดอะไรจากตรงนั้น ไม่ได้คิดได้หวังอะไรทั้งนั้น ตั้งหน้าตั้งตาทำเพราะความชอบของตัวเอง พูดง่ายๆ ว่าไม่เบื่อที่จะอยู่กับมัน เราสนุกที่เราเปิดเพลงให้คนเต้น ให้คนสนุก ให้คนมาบอกว่าวันนี้สนุกจังขอบคุณนะคะ แค่นั้น แค่คำชมเราก็มีความสุขแล้ว เรื่องของเงินมันเป็นเพียงเรื่องของค่าตอบแทนน้อยนิด”

ว่ากันว่า การที่คนเราได้ทำในสิ่งที่รัก หรือชอบ อย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ย่อมออกมาดี และถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะออกมาในอีกรูปแบบ แต่ตัวเราก็สุขใจที่ได้ทำ

“ตอนนี้มีความสุขมาก แฮปปี้มาก อาจจะมีบ้างที่เหนื่อยแต่ไม่เคยท้อ คือต้องมีพื้นฐานจากการที่เราชอบฟังเพลง ศึกษามันแล้วเราจะอยู่กับสิ่งที่เราทำได้นาน ชีวิตตอนนี้เป็นเรื่องที่ภูมิใจสำหรับตนเอง เราสามารถหาเงินได้มากขนาดนี้ เลี้ยงพ่อและแม่ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าตัวเองชาตินี้จะมีเงินเก็บถึงหลักล้านได้”

คมเขี้ยวของค่ำคืน
กับชีวิตในดงเสือหิว

อาจเป็นเรื่องปกติของคนที่เดินทางสายนี้ ย่อมต้องต่อยตีกับทัศนคติ “งานกลางคืน” ที่สังคมมองว่าไม่ดี และมันจะเด่นชัดขึ้นเมื่อเป็นเพศหญิง

“คนอาจจะมองว่าอาชีพดีเจเป็นงานดาร์กไซด์ ทำงานกลางคืน เป็นผู้หญิงไม่ดี ดื่มเหล้า” เธอชี้แจงว่า เรื่องการวางตัวเป็นเรื่องที่สำคัญสิ่งหนึ่งในการเป็นดีเจ นอกเหนือจากความรักที่จะเป็นดีเจ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเดินมาด้วยกัน

“เราวางตัวอย่างไร แต่งตัวอย่างไร คนเขาก็จะมองเราอย่างนั้น ถ้าเราโชว์มากเกินไปบางทีมันก็ล่อแหลมทำให้เขาคิดกับเรา อย่างที่มีดีเจบางคนใส่บิกินีไปเปิดเพลง ถ้าเราโชว์ขนาดนั้นมีหรือที่ผู้ชายจะไม่ว่าเรานั้นง่าย ทุกวงการย่อมมีทั้งผู้ที่สร้างชื่อเสียงและสร้างชื่อเสีย อย่างวงการดีเจเองก็มีดีเจผู้หญิงบางคนที่มาทำให้วงการเสื่อมเสีย คือจุดประสงค์ไม่ได้มาเพื่อขายความสามารถการเป็นดีเจ แต่เอาแค่ความเป็นผู้หญิง ความสวยแล้วใส่ชุดบิกินีใส่หูฟังเป็นดีเจมาอ้าง เพื่อให้ได้งาน”

ในป่าราตรีที่มีทั้ง “เสือ” และ “สิงห์” การเผชิญหน้ากับคม “ฟัน” ของนักล่าสวาท ดูจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“เราก็ต้องดูแลตัวเอง อย่างที่บอกว่าบางคนไม่ป้องกัน เรื่องลวนลามหรืออันตรายมันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ประเภทผู้หญิงที่ชอบปาร์ตี้ หรือดีเจที่เมื่อทำงานจบแล้วดื่มฉลองต่อ พูดถึงมันก็เป็นเรื่องที่เสี่ยง แต่เราก็ต้องเสี่ยงดวง ในกรณีที่ไปเล่นต่างประเทศยิ่งแล้วใหญ่ ต้องรัดกุมชนิดถ้าใครไม่รู้จักยื่นแก้วให้ดื่มเราไม่ดื่มเด็ดขาด

“การพูดคุยกับลูกค้าควรเว้นช่องว่าง เพื่อให้เขานับถือว่าเราเป็นดีเจจริงๆ ไม่ใช่ว่ามาขายบริการ หรือมาทำตัวง่าย คือเรามาทำงานไม่ใช่มาเที่ยว เราก็ต้องวางตัวให้ดี และการแต่งตัวก็ต้องอยู่ในระดับที่พอดี พอเป็นสีสันให้กับร้าน หรือว่าลูกค้าบ้าง แต่นอกจากความสวย ความเซ็กซี่แล้ว ก็ต้องมีความเก่งและรู้จักป้องกันตัวเองด้วย”

“ใครที่เขามองว่าไม่ดี เราก็ทำให้เขาเห็นว่ามันดี อาชีพดีเจให้อะไรหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องชื่อเสียง เรื่องหน้าตาทางสังคม เรื่องงาน เรื่องเงิน และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับใครหลายคน”











No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE