'เวลามีสาระ ผมก็มีนะ' : เกรียนตัวพ่อ ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย

“ลีซอเป็นบุตรของ โพไซดอน กับ วิคตอเรีย ซีเคร็ต เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ เพอซี่แจ็คสัน ในหุบเขาโอลิมปัส จบการศึกษาชั้นอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสอนลูกครึ่งเทพไปดูในหนังเอา และจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนอนุบาลหมีน้อย เมืองเอสเส็กซ์ อังกฤษ และมหา'ลัยขี้โม้สลัดเป็ด นอกจากอาชีพหลักนักฟุตบอลแล้ว ลีซอยังทำเงินเสริมโดยการโฆษณา ทำให้ลีซอมีทุกวันนี้ได้ ลีซอเคยขอร้องโดราเอมอนช่วยทำให้ตัวเองหน้าหล่อเหมือนเจมส์จิ แต่ม่อนบอกว่า ช่วยได้แค่นี้แหละครับ”

เอิ่ม…เกริ่นมาแบบนี้ อย่าเพิ่งตีขลุมว่ามันคือเรื่องจริง เพราะสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเนื้อหาของ “วิกิพีเดียปลอม” ข้างต้น มันบอกกับเราเป็นนัยๆ ว่า คนที่ถูกพูดถึงย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ไม่ธรรมดาอย่างไร ถ้าคุณรู้จักนักฟุตบอลคนนั้น คุณจะไม่แปลกใจอะไรเลย เพราะ “ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย” ชื่อชั้นกระฉ่อนมากในแง่ของความ “เกรียน”!

“เขาก็เล่นไปเรื่อยแหละครับ” นักค้าแข้งแห่งทีมบางกอกกล๊าส หัวเราะหึๆ ในลำคอ เมื่อเอ่ยถึงวิกิพีเดียปลอมดังกล่าว “ก็เป็นพวกแฟนบอลที่เกรียนๆ เหมือนกัน ก็เล่นไปเรื่อย หนุกดี ขำๆ ครับ”

“หนุกๆ ขำๆ” คำนี้ไม่เกินเลยความจริงเท่าไรนัก เพราะสำหรับเขา ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง จะถูกทำให้เป็น “สีสัน” หรือ “มีชีวิตชีวา” ไปซะหมด แต่ก็อย่างที่เขาบอก “เวลามีสาระ ผมก็มีเหมือนกันนะ”!

ใครๆ เขาก็ว่าลีซอคือตัวพ่อแห่งความเกรียน
ผมว่ามันเป็นคาแรกเตอร์ของแต่ละบุคคลน่ะครับ อย่างผมเกรียน ผมก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนะ ผมมองว่าเป็นเรื่องของสีสันมากกว่า และด้วยความที่เราก็เป็นคนที่เฮฮาร่าเริงอยู่แล้ว ดังนั้น ทุกสิ่งที่ทำไป จึงเป็นการสร้างสีสัน ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม ก็ตอบไปตามสไตล์ของเรา เราเป็นของเราแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพพจน์ ไม่ต้องกลัวว่าตอบไม่ดี เดี๋ยวคนจะเกลียดหรือหมั่นไส้

เหมือนอย่างล่าสุดที่มีคนถามผมว่า ถ้ายิงประตูแมนฯยูฯได้ เราจะดีใจมั้ย ผมตอบไปว่าไม่ดีใจ (เน้นเสียง) เหมือนกับว่าตอนที่ถูกถามนั้น ภาพของโรนัลโดโผล่เข้ามาในความคิดพอดี คือมันมีแมตช์หนึ่งซึ่งเรอัล มาดริด ไปยิงแมนฯยูฯในบ้านให้ตกรอบได้ ผมเห็นภาพแบบนั้น ผมก็เลยตอบไป ไม่ได้คิดซีเรียสอะไร เราก็ตอบในแบบของเรา มันเป็นตัวตนของเรา อย่างการทำรองเท้าสองสี เราก็ทำของเราเล่นๆ ไม่ได้คิดมากอะไร สนุกๆ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เสียหายอะไรกับสังคม

ก็เลยไม่วอรีกับการถูกล้อ
เฉยๆ ครับ อย่างที่บอกว่าผมมองให้มันเป็นสีสันมากกว่า คือถ้าไม่มีเราสักคน วงการฟุตบอลไทยอาจจะไม่สนุกก็ได้ โห่เราได้ก็โห่ไป เราก็มองอีกมุมหนึ่งว่าเราก็ได้บุญน่ะ อย่างเขาหมั่นไส้เรา เขาไม่ชอบเรา เขาโมโหเราแล้วเขามีความสุข เราก็ถือว่าเราทำให้เขามีความสุข เพราะฉะนั้น เราก็อาจจะได้บุญกุศลไปโดยปริยาย (หัวเราะ)

แล้วเรื่องแบบว่า…ชอบโอเวอร์แอกติ้งล่ะ
มันเป็นธรรมชาติของเราอยู่แล้วครับ คนทุกคนมันก็มีมาดเป็นของตัวเอง เพียงแต่ว่าคนอื่นๆ จะมองอย่างไรเท่านั้นเอง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะตัวผมเองด้วยนั่นแหละที่สไตล์เกรียนๆ ดังนั้น พอทำอะไรไป คนก็เลยจะหมั่นไส้ตลอด

เวลาลงเล่น โดนคนดูในสนามโห่บ่อยมาก
ตอบเหมือนเดิมครับ มันเป็นสีสัน ซึ่งมันอาจจะเป็นผลกระทบจากคาแรกเตอร์ของเรา ซึ่งคนเขาไม่ชอบ แต่เราก็มั่นใจในความเกรียนๆ ของเรา โดยเฉพาะตอนไปเล่นในไทยลีก แฟนคลับของคู่ต่อสู้ก็จ้องที่จะโห่ จ้องที่จะแซวผมอยู่แล้ว เขาคิดว่ามันจะทำให้ผมหัวเสีย เล่นได้ไม่ดี อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันไม่ได้มีผลอะไรกับผมเลย เพราะผมคิดว่าตรงนั้นมันเป็นแรงกระตุ้นหรือแรงขับมากกว่า เออ ชีวิตผมมันต้องการอะไรอย่างนี้ ผมมองในมุมนั้น ไม่ได้กดดันอะไร เราเอามาเป็นแรงผลักมากกว่า ขำๆ มากกว่า ชินแล้วครับตอนนี้ เพราะเราอยู่ในจุดนี้ ยังไงเราก็ต้องโดนอยู่แล้ว

ถ้าตอบโต้พวกที่โห่เราได้ จะทำอย่างไร
ไม่ตอบโต้ครับ ก็พยายามยิงประตูให้ได้อย่างเดียวเลย จะไม่มีการตอบโต้อะไรทั้งสิ้น (ยิ้ม) เพราะหน้าที่ของผมที่ดีที่สุดก็คือการทำประตูให้ได้แล้วก็เงียบ แค่นั้นเอง

มีคนแซวว่าลีซอคือโรนัลโดเมืองไทย ถึงขนาดฝึกฟรีคิกแบบโรนัลโด
ดีสิฮะ ดีสิฮะ เพราะเราชอบโรนัลโดอยู่แล้ว ถ้าเราเป็นโรนัลโดเมืองไทยได้ ก็เจ๋งเลยฮะ เพราะโรนัลโดเป็นไอดอลของเรา เขาแข็งแกร่ง เขาเร็ว ทุกคนก็ยอมรับอยู่แล้วว่าเก่งอันดับโลก และถ้าจะมีใครสักคนเรียกเราแบบนั้นก็ดีเลยฮะ ยินดีครับยินดี

ส่วนเรื่องฝึกฟรีคิกนั่นน่ะ เราก็สังเกตวิธีการยิงของเขาแล้วมันก็ได้ผลดี มันเป็นลูกยิงที่ทรงพลังแล้วก็รับยาก แล้วถ้าเราทำได้แบบเขาบ้าง มันก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งลูกทีเด็ดของเราก็ได้ ก็เลยไปซ้อมดู เวลาคนถาม ผมก็จะบอกว่า ก็ผมชอบเขาอ่ะ ผมก็อยากทำได้แบบเขาบ้าง วิธีการยืน วิธีการยิง ผมชอบหมดเลย แล้วฝ่ายตรงข้ามที่เห็นเราทำแบบนั้น ที่โห่อยู่แล้วก็ยิ่งโห่เข้าไปใหญ่ ผมก็ยิ่งแอกต์เข้าไปอีก (หัวเราะ)

แล้วตอนฝึกซ้อมนี่ ทำไมเน้นโชว์ซิกแพกจัง
จริงๆ ไม่ได้มีอะไรนะ มันเกี่ยวกับอากาศบ้านเรามากกว่า เพราะว่ามันร้อน เวลาซ้อม เสื้อมันก็เปียก เราอึดอัด เราก็ถอด ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องโชว์ มันร้อนเฉยๆ ก็เลยถอด แต่จริงๆ เราก็พอมีอยู่บ้างนะ กล้ามน้งกล้ามเนื้อ เราก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไร

แล้วมีอะไรบ้างที่เราซีเรียสกับการเป็นนักฟุตบอล
ผมคิดว่า เราทำในสิ่งที่เรารัก เพราะถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารักแล้วเราจะอยู่กับมันได้นาน เรามีโอกาสที่จะพัฒนาได้มากกว่าการทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เพราะเราทำมันออกมาจากใจ เราไม่ได้ทำมันด้วยเหตุผลอื่น ถ้าใจเราเรียกร้อง ใจเราต้องการ ทำแล้วมีความสุข เราก็อยู่กับมันได้นาน เราก็อยากฝึกซ้อม ฝึกฝน พัฒนาไปไม่มีวันหยุด

เราเป็นนักฟุตบอลดังและมีสีสันขนาดนี้ สาวๆ น่าจะมาชอบเยอะนะ?
ก็มีคนมาชื่นชมเยอะนะครับ ชอบแนวของเรา ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ละคนก็มีกลุ่มแฟนคลับชื่นชอบเป็นของตัวเองอยู่แล้วสำหรับนักฟุตบอล เราเป็นผู้ชายเราก็ต้องชอบผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ เราก็คุยได้ทุกคน เพราะทุกคนเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันหมด ทักทายกันตามประสาเวลาเจอกันที่สนาม ถ่ายรูป ทักทายอะไรไป

เอาล่ะ สุดท้าย ขอถามคำถามเชยๆ หน่อย คิดยังไงกับเรื่องบอลไทยจะไปบอลโลก
ผมว่าพักไว้ก่อนดีกว่าความคิดนี้ เมื่อก่อนตอนผมเด็กๆ ผมก็เคยคิดนะว่า ผมอยากพาบอลไทยไปบอลโลก แต่พอผมโตขึ้นแล้วได้เห็นได้รู้อะไรมากขึ้น เรื่องการทำงานหรือบริหารงานอะไรต่างๆ จึงรู้เลยว่าการจะไปบอลโลกได้นี่ มันยังอีกไกลมากเลยสำหรับบ้านเรา ถามว่ามันมีโอกาสมั้ย มันมีโอกาสแน่นอน แต่ถ้ามองความเป็นจริง มันยากมาก เพราะง่ายๆ เลย แม้แต่ซีเกมส์ เรายังต้องลุ้นเลยว่าเราจะชนะหรือเข้ารอบหรือเปล่า ต้องไปลุ้นกับมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งถ้าเราจะไปบอลโลก เราต้องไม่คิดเรื่องพวกนี้แล้ว หมายถึงไม่มีความกังวลกับเกมอย่างซีเกมส์

ตอนนี้ เราต้องหวังอย่างพวกเอเชียนคัพก็พอแล้ว จะเอาชนะเกาหลี ญี่ปุ่น เราต้องไปมุ่งมั่นกับตรงนั้น เราต้องมีเป้าหมายว่าเราอยากได้แชมป์เอเชียนคัพ มีการปูทางขึ้นไป ขณะเดียวกันก็สร้างทีมชาติรุ่นใหม่ๆ ไล่ขึ้นมา ไม่ให้ขาดสาย การบริหารจัดการต้องแน่นอนมั่นคง มีการวางแผนที่ดี แต่ทุกวันนี้มันสะเปะสะปะไปหมด แล้วมีแต่คนโทษว่านักบอลไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีวินัย นั่นคือภาพที่คนเห็น แต่จริงๆ แล้วมันต้องมองลงไปให้ลึกกว่านั้นว่าการบริหารจัดการมันเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาใกล้ๆ นี้ก่อน เอาแค่เอเชียนคัพให้ได้ก่อน ไประดับโลกแบบนั้น เรายังไม่พร้อมหรอกครับ

เท่าๆ ที่พูดมานี่ ฟังดูไม่เกรียนเลยนะ
(หัวเราะ) แหม อันนี้เป็นสาระครับ เวลาที่ผมมีสาระ ผมก็มีนะ 555

**ภาพทั้งหมดจากเพจ “ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย สำหรับแฟนคลับ”**

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE