ดีงามมาก! ไข่มุก The Voice แค่ทำให้คนอื่นมีความสุข ชีวิตนี้ไม่ขออะไร


หลังสิ้นเสียงเพลง ‘เรารอเขาลืม’ แม้ได้รับเลือกให้ผ่านรอบ Blind Auditions ด้วยการกระแทกปุ่มของโค้ชโจอี้ บอย และโค้ชสิงโต นำโชคแล้ว แต่ด้วยแก้วเสียงกังวานใสในแบบลูกทุ่ง การเอื้อนสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ ‘ไข่มุก-รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช’ เข้าไปนั่งอยู่กลางหัวใจผู้ชม ช่วยออกแรงเชียร์ในแมตช์ต่อไป ตอกย้ำความไพเราะด้วย‘ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน’ที่นอกจากสะกดอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มหน้าจอโทรทัศน์แล้ว ยังเรียกยอดผู้เข้าชมบน YouTube ได้มากกว่า 25 ล้านวิว ติดหนึ่งในสามสำหรับการรับชมย้อนหลังรายการ เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์ บนสื่ออินเทอร์เน็ตดังกล่าว(ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2559)

เรื่องราวของเธอไม่ได้ปิดฉากลงพร้อมเกมการแข่งขันบนเวที แต่สาวน้อยหัวใจลูกทุ่งกลายเป็นที่สนใจในวงกว้างอยู่เนืองๆ หลังสื่อและโลกโซเชียลจ้องเขม็งไปยังความเคลื่อนไหวต่างๆ จนอาจกล่าวได้ว่าคนจำชื่อ ‘ไข่มุก The Voice’ ได้มากกว่าแชมป์ในซีซั่นเดียวกันเสียด้วยซ้ำ ซึ่งในวันทำงานอันวุ่นวายใจกลางเมืองใหญ่ ไข่มุกหอบเอาความสดใส พร้อมแววตาแสนซื่อของเด็กสาวที่วางตัวได้น่าเอ็นดูมาบอกเล่าความเป็นไปในชีวิต ทั้งก่อนและหลังใช้นามสกุล The Voice ให้พี่ๆ ทีมงาน mars ได้อึ้งไปกับความคิด ทัศนคติเกินวัยของสาวน้อยคนนี้โดยเฉพาะเรื่องความกตัญญู

ชีวิตวัยเด็กของไข่มุกก่อนพ่วงนามสกุล The Voiceเป็นอย่างไร?

หนูเกิดในกรุงเทพฯ โตมาในบ้านหลังเล็กๆ เรียกว่ากระต๊อบน้อยได้เลยค่ะ มีคุณแม่เป็นคนอุดรฯ พ่อเป็นคนอุบลฯ ซึ่งเด็กๆ มันก็อบอุ่นนะ แต่พอโตขึ้นรู้สึกมันแคบ เพราะเราตัวใหญ่ขึ้น (หัวเราะ) คือทุกคนตัวสูงหมดเลย พี่น้อง ปัจจุบันก็ยังอยู่บ้านหลังนี้

ไม่ได้เป็นเด็กเรียนเก่ง แต่ถึงเวลาเรียนคือเรียน เล่นคือเล่น เพราะอยู่กับพี่ชายเล่นอะไรก็ตามเขาไปทั้งมวยปล้ำ ปาดินน้ำมัน ยิงหนังสติ๊ก เข้าป่าผจญภัย สร้างฐาน ปีนต้นไม้ เก็บมะม่วง มะยม ยิ่งมีช่วงติดละครอังกอร์ก็อินตามไปด้วยคือเป็นเด็กแก่นนะคะแต่ไม่ใช่เด็กดื้อ

มามีมุมหญิงช่วงโตมานิดแม่จับแต่งตัว เวลาหนูอยู่บ้านหรือไปกับเพื่อนแต่งอะไรก็ได้ เมื่อก่อนกางเกงต้องขากระบอก เสื้อตัวใหญ่ๆ ออกแนวเซอร์ๆ แต่ถ้าไปกับแม่ปุ๊บ แม่จะประกาศเลยว่าต้องแต่งชุดที่เตรียมให้นะ รีดไว้แล้ว ไม่ใส่ไม่ให้ไป ก็ต้องยอมสวมกระโปรงสีชมพูของแม่ไป (ทำหน้าเศร้า) คือแต่งตัวผู้หญิงจริงจังเป็นตอนมัธยมปลายเองค่ะ พอเริ่มประกวดร้องเพลง แม่บอกต้องสวยแล้วนะ เริ่มซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง เริ่มโตขึ้น เริ่มเข้าใจว่าต้องสวยแล้ว

ค้นพบตัวเองว่าอยากเป็นนักร้องเมื่อไร?
พอจำความได้ก็รู้ตัวว่าเป็นคนชอบร้องเพลง แต่ก็อยากเป็นตำรวจนะคะ คือเด็กๆ ชอบเล่นตำรวจจับผู้ร้าย มันดูเท่ ดูละครมีตำรวจหญิงแล้วรู้สึกชอบ พอโตขึ้นความคิดเปลี่ยนไปไม่เอาดีกว่า

ต่อมาอยากเรียนนาฏศิลป์ อยากเป็นคุณครูเพราะมีโอกาสรำช่วงป.4-5 พอ ป.6 ไม่ใช่แล้วรำง่อยอย่างไรไม่รู้ จึงคิดว่าร้องเพลงนี่แหละเข้ากับเราที่สุดแล้วจึงฝันไปทีละขั้น พอ 15 ปุ๊บ ตอนนั้นชอบดูรายการ‘ชุมทางเสียงทอง’ตั้งมั่นต้องไปรายการนี้ให้ได้ แต่มี‘มาสเตอร์คีย์เวทีแจ้งเกิด’มาก่อนจึงตัดสินใจไปลองแข่งแต่ตกรอบ จากนั้นจึงกลับมาสมัครชุมทางเสียงทอง เข้าถึงรอบเดือนปุ๊บตกรอบปั๊บ (หัวเราะ)ก็กลับไปมาสเตอร์คีย์อีกครั้งตกรอบ 20 คนอีก แต่ถึงยังไม่ชนะก็ทำให้เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นโดยเฉพาะในวงการลูกทุ่ง จากนั้นไปรายการ ‘กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงินล้าน’เป็นตัวแทนกรุงเทพฯ เขตดินแดง สุดท้ายชนะ ได้เงิน 1 ล้านบาทเข้าชุมชน อันนี้เริ่มมีคนจำได้มากกว่าเดิมอีก ต่อมารายการเดิมนี่แหละค่ะแข่งเป็นเงาเสียงพี่หลิว อาราดา ปรากฏว่าชนะเลยเริ่มมีฐานแฟนคลับเพลงลูกทุ่งกับเขาบ้าง

ช่วงนั้นยังไม่มีงานในวงการเข้ามานะคะ ส่วนใหญ่เป็นงานจ้างทั่วไป พวกงานแต่ง งานบวช งานเลี้ยง รายได้อาจไม่มากแต่เราก็ไป เพราะแม่จะบอกเสมอว่าเราทำงานได้มากกว่าคนที่เขาทำงานวันละ 300 ที่ทั้งตากแดด ทำอะไรหลายๆ อย่าง ต่างจากเราร้อง 3-4 ชั่วโมง ได้เงินแล้ว แม่จะบอกเสมอ อย่าบ่นต้องสู้นะ

ช่วงเศรษฐกิจไม่ได้แย่ขนาดนี้ มีงานเข้ามาเรื่อยๆ งานจ้าง ได้ค่าตัวแล้วทิปอีกเยอะ เคยเก็บเงินได้เดือนหนึ่งหลายหมื่นก็ให้แม่ ส่วนหนึ่งเก็บไว้ซื้อของที่อยากได้ อย่างตอนนั้นซื้อไอโฟน 5 ได้กระโดดโลดเต้นเลยค่ะ

เท่าที่คุยมาไข่มุกค่อนข้างเข้าใจคุณค่าของเงินมีวิธีบริหารจัดการอย่างไร?

เรื่องการใช้เงิน บางครั้งคนที่เขามีอาจคิดไม่ได้เพราะถูกเลี้ยงมาแบบใช้สตางค์หมดก็ขอใหม่สำหรับหนูเนี่ยถ้าอาทิตย์นี้มีสามร้อยต้องคิดแล้วว่าจะใช้อย่างไรให้เงินจำนวนนี้อยู่ได้ทั้งอาทิตย์ อาจต้องทานข้าววันละมื้อ เพราะเป็นคนทานน้อยอยู่แล้ว กินน้ำเอา หรือกลับไปทานที่บ้าน จะซื้ออะไรก็ไม่ได้ซื้อ อะไรที่มีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ ใช้ไปก่อน อันไหนที่ไม่จำเป็นอย่างอาหารแพงๆ เราไม่ต้องทานก็ได้ เพราะอาหารราคาปกติมันก็ทำให้เราโตได้
พวกเสื้อผ้า หรือช้อปอะไรก็ไม่นะคะ นอกจากถ้าอยากได้จะหยอดกระปุกเอาคิดก่อนใช้เสมอ เช่นในสองเดือนนี้จะซื้อได้หนึ่งชิ้นนะ ซื้อทีละอย่าง หรือเครื่องสำอางแทบไม่ได้ซื้อเลย เพราะมีป้าทำงานอยู่ญี่ปุ่น กลับมาทีเขาจะเอามาให้เยอะมากถึงไม่ได้เป็นของใหม่ทั้งหมดก็ใช้ได้เหมือนกัน

บางทีหนูเห็นเพื่อนในเฟซบุ๊กเดี๋ยวคนนี้ขัดตัว คนนั้นทำสปาหน้า บ่นว่าใช้เงินเป็นหมื่นอีกแล้ว วันละพันไม่พอ หนูจะคิดในใจ ไม่เห็นมันไปวัดทำบุญบ้างเลย ถ้าเขาเก็บเงินนะคงได้เยอะ คือไม่ได้อิจฉาใครที่เขามี เพราะการอิจฉามันเหมือนเป็นการดูถูกพ่อแม่เราด้วย เราต้องหาเอาเอง ต้องรู้ว่าแม่ไม่มีให้นะ แม่ก็จะคอยสอนตรงนี้ตลอดส่วนเวลาซื้อของจะนึกถึงคนรอบข้าง คิดว่าพ่อชอบอะไร แม่ชอบอะไร ของชิ้นนี้เหมาะกับพี่น้องไหม

จากเด็กผู้หญิงที่สู้เพื่อตัวเองและครอบครัว กลายมาเป็นผู้ให้ต่อสังคมได้อย่างไร?

ช่วงแข่งกิ๊กดู๋สงครามเพลงเงินล้าน ทีมเราชนะได้หนึ่งล้าน นักร้องได้มาส่วนหนึ่ง ที่เหลือให้ชุมชนเอาไปซื้อเครื่องออกกำลังกายให้คนชรา เด็กๆ ในแฟลตดินแดง คือเป็นสิ่งหนึ่งที่คิดเสมอนะคะว่าจะทำให้คนอื่นมากกว่าทำให้ตัวเอง อาจเพราะเราเห็นพ่อแม่ลำบากมาก เราชอบเก็บรายละเอียดนั่นนี่มาคิด

อย่างเวลาเห็นขอทานก็สงสารเราคิดแทนเขา ทำไมเขาไม่ไปหางานทำนะ เคยเห็นย่าของเพื่อนอายุมากแล้วแต่ยังรับติดฉลากขวด ทำไมเขายังทำ ไม่ขอคนอื่น หรือเห็นเด็กขายพวงมาลัย เด็กตัวแค่นิดเดียวตีสี่ตีห้าไม่นอนแล้วเตรียมไปเรียนเหรอ หน้าน้องดูง่วงมากผู้ปกครองก็ผลัก ไล่ให้ไปขายตรงนั้นตรงนี้ พ่อแม่ก็ใช้คำพูดด่าแรงๆ โตมาเขาก็คงกลายเป็นเด็กก้าวร้าว เพราะเขาเจอแต่แบบนี้ พอไม่ได้เรียนหนังสือด้วยยิ่งโดนคนดูถูกกันเข้าไปอีก น่าจะทะนุถนอมลูกมากกว่านี้ หนูอยู่ในสถานะที่จน แต่แม่ไม่เคยให้ลำบากเลยจึงคิดว่าถ้าเรามีแรงพอก็อยากช่วยคนอื่นบ้าง

ทำไมเลือกทำอาสากู้ภัย?
 

เกิดจากเพื่อนที่รักมากสองคน ไปไหนไปกัน แต่เขาประสบอุบัติเหตุขณะขี่รถจักรยานยนต์ พอไปที่เกิดเหตุคิดเพียงว่าปลุกเพื่อนแล้วเพื่อนจะตื่น มันคือความหวังของเรา สุดท้ายเขาเสียแล้วทั้งคู่เลย ขณะเดียวกันได้เห็นพี่ๆ เห็นกู้ภัยเขาทำทุกอย่างให้เพื่อนเลยคิดว่าอยากทำได้อย่างเขาบ้าง

ต่อมาเจอรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นนักร้องลูกทุ่งเหมือนกัน เรามี IG เขาเลยเข้าไปส่อง เห็นทำกู้ภัยด้วย เลยบอกเขาว่าอยากทำมาก ในที่สุดพี่เขาพาไปดูจุดเกิดเหตุแห่งหนึ่งเป็นเหตุยิงกันแถวยานนาวา เมื่อเป็นครั้งแรกก็ทำอะไรไม่เป็นพี่เลยให้ช่วยถือกระเป๋ายา ตอนนั้นใจเต้นแรงมากหลังจากนั้นเจอกลุ่มพี่ๆ ที่ทำกู้ภัยเป็นคนอุดรฯ บ้านเดียวกับแม่เรา เขาชวนออกพื้นที่ช่วงสงกรานต์ โอ้โห อยู่สี่เวร มีมากกว่า 20 เหตุ คนตาย โดนฟันหัว ยิงกัน รถล้ม ทำให้หนูเกิดความรู้สึกปลงมาก ไม่คิดเหมือนกันว่าทำไมเป็นขนาดนั้น

งานอาสากู้ภัยนี่เหนื่อยนะคะเขาจะแบ่งเวรกันวันคู่วันคี่ ออกตั้งแต่ 10 โมงเช้า กลับอีกทีตี 5 จะได้พักก็คืออีกวัน วนกันอยู่อย่างนี้ เคยเจอเคสคนแก่ป่วยเบาหวานขาเหวอะ อยู่ในตึกร้างตัวคนเดียว เขาบอกว่าลูกๆ ทำงานอยู่กรุงเทพฯ บอกจะโอนเงินมาให้แต่ก็ไม่ได้โอน พ่อป่วยไม่สนใจ คือน่าสงสารมาก สิ่งที่ได้จากตรงนี้คือเราจะไม่ปล่อยให้พ่อแม่เราต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

ช่วงออกพื้นที่เจอกรณียากทำใจบ้างไหม?

มีสยองนะคะ แต่โชคดีจิตหนูแข็ง จึงไม่ได้สั่นอะไร เป็นเคสเกิดขึ้นช่วงก่อนสิงหาคมปีที่ผ่านมา (2558) ครั้งแรกเราเห็นผู้หญิงขาหายไปไหนไม่รู้ พอเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าขาไม่ได้หายไปไหน แต่ฉีกขาดเป็นทางยาวจากหว่างขาขึ้นมาถึงช่วงอก เห็นไส้ กลิ่นคาวเลือดแรงมาก หนูต้องถ่ายรูปทุกมุม สาเหตุมาจากชายหญิงคู่หนึ่งมีปัญหากัน ฝ่ายชายขี่รถเร่งความเร็วแล้วชนเข้ากับราวกั้นถนน ซึ่งผ่าเข้าไปกลางตัวฝ่ายหญิงสยองมาก เราเองก็ช่วยเก็บไส้เก็บเศษเนื้อ คือภาพติดตานะแต่ไม่ถึงขนาดทำใจยา

เคยเจอประสบการณ์เหนือธรรมชาติไหม?

ผีเหรอคะ ครั้งแรกเลยค่ะที่บอกว่าเพื่อนเสียนั่นแหละ เห็นวิญญาณเพื่อนเรื่อยๆ จากนั้นเห็นนั่นนี่บ่อยมาก หลอนจริงๆ เรามองเห็นภาพอะไรไม่รู้ที่ไม่อยากเห็น ตรงนี้ทำให้เชื่อ รู้เลยว่าเขามีตัวตนจริงๆ

บางครั้งเวลาเจอก็จะพูดออกไปอัตโนมัติว่าออกไป หรือถ้าเหมือนมีใครเรียกจะบอกว่าไม่เอานะ อย่ามายุ่งคือพวกนี้ต้องด่า ต้องดุ เขาถึงจะไป มีครั้งหนึ่งกลับจากต่างจังหวัด แมวที่เลี้ยงไว้ร้องแปลกๆ ไม่หลับไม่นอนเหมือนมีใครมากวน สุดท้ายมาคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณสุนัขนะคะ เพราะมีสุนัขของรุ่นพี่ที่เราชอบเล่นกับมันมาก แต่เกิดตาย เวลามันมาแล้วแมวก็ไม่ยอมนอน เคยโยนของเล่นให้แมว มันก็เล่นเหมือนกำลังแย่งอยู่กับใคร

ล่าสุดไปผาแต้ม อุบลฯ หลับในรถรอขึ้นคอนเสิร์ตแล้วหนูฝันเห็นคนมาหาเราเต็มไปหมด เรารู้เลยว่าเป็นผี พี่ข้างๆ ก็ถามเป็นอะไร กลับไปที่พักก็ฝันเหตุการณ์เดิมเลย ในฝันบอกทำบุญให้หน่อย เป็นเสียงหลายๆ คนพูด เช้ามาไปทำบุญบอกว่าทำให้แล้วนะ ไม่ต้องตาม กลับถึงกรุงเทพฯ มาอีกแล้ว ฝัน 4-5 คืนติดกัน ก็ทำบุญให้อีก จนเดี๋ยวนี้เลิกแผ่เมตตาแล้ว เพราะแผ่ทีไรมาทุกที ที่จริงก็เกิดวันอังคาร เป็นวันแข็งนะแต่เห็นจัง ถามว่ากลัวไหม? กลัวนะคะ หลอนมากถ้าไม่อยู่นิ่งๆ จะไล่เขาเลย เอาก็เอาวะเราก็คน สู้นะโว้ย! คืออย่าให้สติแตก เดี๋ยวจะบ้าเอา ซึ่งปกติเป็นคนเข้าวัดตลอด มีช่วงหลังงานเยอะนี่แหละแต่ใช้วิธีใส่บาตรเอา ขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องตื่นมา แล้วหลับต่อก็อีกเรื่อง

การเป็นวัยรุ่นที่มีทัศนคติเรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ มีโอกาสให้คำปรึกษาคนรอบข้างบ้างไหม?

หลายคนเริ่มเข้ามาปรึกษาหลังมีการเผยแพร่คลิปที่หนูร้องไห้กอดรูปเพื่อนซึ่งเสียชีวิตขึ้นอินเทอร์เน็ต ตอนนั้นมีคนตามไลค์ยิ่งพอประกวดเดอะวอยซ์มีคนจำได้ เขาจะถามเราว่ามีวิธีทำใจยังไง ก็จะบอกเสมอว่าทำอะไรไม่ได้ ต้องอยู่กับตัวเอง ดูแลตัวเอง อย่าร้องไห้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันทำไม่ได้หรอก แค่อย่าให้ตัวเองป่วย ทำบุญให้เขา ตอนที่ตัวเองประสบมันหนักมาก โชคดีหนูมีแม่อยู่ข้างๆ เขาเป็นเพื่อนเรามาตั้งหลายปีถึงเริ่มคบเป็นแฟนแต่กลับมาเสียไป ทำใจยาก ความรักเด็กๆ คิดเยอะ หวังเยอะ กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ยากแต่ต้องทำให้ได้

ผลตอบรับก็จะมีที่บอกว่าขอบคุณเราที่เข้าใจ ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ เพ้อแบบนี้ ทุกคนก็ผ่านมาได้นะ แล้วหลายคนก็มองย้อนมาที่เราแล้วเข้าใจเราเช่นกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนั้นมันรู้สึกอย่างไร มีนะคะบางคนปรึกษาเราบอกเสียใจคงไม่คบใครอีกต่อไป แต่ไม่ทันไรหายเศร้ามีใหม่แล้ว เรานี่ตกใจเลย ก็ไหนบอกว่ารักเขามากไง (หัวเราะ)

เผยแพร่เมื่อ 15 พ.ย. 2015
The Voice Thailand Season 4 รอบ Knock Out วันที่ 15 Nov 2015
ไข่มุก – รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช
เพลง : ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน
ทีมโค้ช : โจอี้ บอย

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของรายการ The Voice Thailand ได้ที่
เว็บไซต์ : http://www.thevoicethailand.com
เฟสบุ๊ค : http://www.facebook.com/TheVoiceThailand
ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/TheVoiceThai #ThevoiceTH
อินสตาแกรม : thevoiceTH #ThevoiceTH

ออกอากาศ : ช่อง 3
เวลา : ทุกวันอาทิตย์เวลา 16.55 น.

ยังมีอะไรที่อยากทำในวงการนอกเหนือจากนี้อีกไหม?

หนูอยากถ่ายแบบ ชอบค่ะ คือได้มีโอกาสถ่ายของ Image ให้ใส่ชุดสวยๆ อีกอย่างเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ส่วนถ้าไม่ใช่ในวงการบันเทิงคืออยากทำร้านกาแฟให้แม่ เพราะแม่ชอบดื่มกาแฟ ชอบทำขนม เมื่อก่อนทำงานบ้านฝรั่งเขามีเครื่องอบ แม่จะทำให้ ส่วนหนึ่งเจ้าของบ้านแบ่งให้เอากลับบ้าน แม่จะทำอร่อยมากพวกเค้กกล้วยหอม เค้กแครอต ช็อกโกแลต บราวนี่ เลยอยากเปิดร้าน ให้แม่อยู่กับสิ่งที่เขาชอบทาน
อีกอย่างคืออยากมีร้านแฮนด์เมดเพนต์รองเท้า ทำกระเป๋า เพราะหนูชอบวาดนั่นนี่ อยากมีแบรนด์ของตัวเอง ใช้ชื่อ ‘ไข่มุก’ นี่แหละค่ะ

ความท้าทายแบบสุดเหวี่ยงแบบไหนที่ไข่มุกอยากทำ?

อยากขับบิ๊กไบค์มากค่ะ ชอบมาก (ลากเสียงยาว) ชอบมาตั้งแต่มัธยมปลาย บ้าคลั่งขนาดที่ว่าฟังเสียงแล้วรู้เลยว่าของยี่ห้อไหน รุ่นอะไร พอแม่รู้แม่ด่า ไม่ให้ขับเพราะมันเป็นเนื้อหุ้มเหล็ก แต่ถ้ามีโอกาสอยากมีเป็นของตัวเองแล้วแต่งสวยๆ ส่วนตอนนี้แอบไปขับของเพื่อนประจำ แม่ไม่รู้… (อย่าบอกแม่นะคะ) ถ้าเป็นไปได้อยากขับไปเที่ยวต่างจังหวัด อากาศดีๆ ลมเย็นๆ ชอบมากสถานที่ที่มีต้นไม้ ดอกไม้ ภูเขา

มีสิ่งไหนที่คิดว่าอยากเอามาเติมเต็มให้ชีวิต?

หนูเป็นคนที่ไม่ได้คิดถึงตัวเอง อยากให้พ่อแม่สบาย ดูแลน้องได้ เอาตัวเองรอด พอกินพอใช้ ต่อมาคืออยากได้รถพยาบาล รถกู้ภัย เอาไว้ช่วยคน สุดท้ายคืออยากสร้างโรงเรียนให้เด็ก สร้างห้องสมุดก็ได้ เอาไว้ในวัด หรือโรงเรียนซึ่งขาดแคลน

ทัศนคติด้านความรักในแบบของไข่มุกเป็นแบบไหน?

ไม่จำเป็นต้องแฟน รักพ่อรักแม่ก็คือความรักในแบบของหนู ดูแลกัน หวังดี ช่วยเหลือ ไม่ทำร้ายความรู้สึกกัน เท่านี้ก็โอเคแล้ว รักคือรัก ชอบคือชอบ หนูเป็นคนตรงๆ ไม่ยุ่งคือไม่ยุ่ง ได้เห็นแม่ยิ้ม พ่อยิ้ม ทุกคนในครอบครัวมีความสุข อยากให้เขาอยู่กันอย่างสบาย วันนี้เราได้ทำให้แม่ภูมิใจในระดับหนึ่งแล้ว แม่เอาไปพูดกับคนอื่นว่านี่ลูกเค้านะ พอเห็นคนเปิดคลิปที่หนูร้องเพลงแม่จะดีใจ ดูเราทีไรแม่น้ำตาซึม
เคยมีคนทักไหมว่าเหมือนญาญ่าอุรัสยา?

มีคนทักเยอะค่ะ แต่พี่เค้าสวยกว่า เคยเจอตัวจริงสองรอบ หนูนั่งเกร็ง (ยิ้ม) อย่างล่าสุดไปงานวันเด็กช่อง 3 ก็ได้แต่นั่งมองแล้วยิ้ม คือหนูชอบนะคะ พี่เค้าเป็นนางฟ้าสำหรับเราเลย มีแฟนคลับแซวว่าเราสวยกว่า คือหนูนี่อยากลบคอมเมนต์นั้นเลย เพราะกลัวแฟนคลับทางพี่ญาญ่าจะว่าเอา ตรงนี้ไม่ได้กดดันตัวเอง เพราะส่วนตัวชื่นชอบพี่เขาอยู่แล้ว อีกอย่างไม่ได้มองว่าเหมือน อยากให้คนมองเราในมุมของเรา
เรื่อง : เอกลักษณ์ มุสิกะนันทน์
ภาพ : อิศเรศน์ ช่อไสว

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE