โสด สวย แซ่บ ในวัย 50 บุ๋ม ตรีรัก

ลองทายกันเล่นๆ ดีไหมว่า หญิงสาวที่คุณได้เห็นอยู่ในภาพถ่ายคนนี้ เธอมีอายุเท่าไหร่

“…สามสิบต้นๆ” “…สามสิบปลายๆ” “…ให้มากสุดไม่เกินสี่สิบ”

เราขอบอกตรงนี้เลยแล้วกันว่า คำตอบทั้งหมดนั้นผิด

แต่ก่อนจะเฉลย เราอยากพาคุณย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 19 ปีก่อน ในยุคที่การนุ่งสั้นชนิดเสมอหูยังไม่เป็นเทรนด์ สาวๆ ยังกระมิดกระเมี้ยนและไม่กล้าต่อกรกับค่านิยมของสังคมที่มักวิพากษ์วิจารณ์ใครที่แต่งตัวแรงหน่อยว่า 'แรด' ทว่าหญิงสาวในภาพถ่ายคนนี้นี่แหละที่กล้าจุดกระแสให้ผู้หญิงยุคนั้นกล้าแสดงออกและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ด้วยการเปิดสะดือโชว์ ด้วยการอวดหน้าท้องแบนๆ ภายใต้เอวเล็กจิ๋วขนาด 22 นิ้วของเธอในมิวสิกวิดีโอที่สุดท้ายก็โดนแบน

“เราเป็นศิลปินหญิงเมืองไทยคนแรกที่ถูกแบนมิวสิกวิดีโอ”

บุ๋ม-ตรีรัก รักการดี เป็นนักแสดงสาวผู้โด่งดังมาจากบทแม่นาค ในละครเรื่องแม่นาคพระโขนง เมื่อ พ.ศ. 2532 และเป็นนักร้องสุดฮอตจากซิงเกิล'มีแฟนหรือยังจ๊ะ' ของเธอ ในอัลบั้ม 'Moddyตรีรัก' พิสูจน์ได้จากการที่เด็กๆ มัธยมสมัยนั้นต่างหยิบกางเกงรัดติ้ว เอวลอย และสั้นเต่อของเธอไปใส่เมื่อมีงานกีฬาสี หรือสาวๆ วัยรุ่นก็แห่กันทำผมตีโป่งสไตล์ม้อดดี้กันถ้วนหน้า

แต่แล้วในขณะที่โด่งสุดขีด ในวัย 32 ปี เธอก็ตัดสินใจลาวงการบันเทิงไปเงียบๆ เพื่อบินลัดฟ้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกายาวนานหลายปี เริ่มต้นจากทำงานร้านอาหาร จนกลายมาเป็นคนตัดแต่งขนสัตว์ที่ชำนิชำนาญเข้าขั้น 'อาจารย์' ในที่สุด

19 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น และในวัย 50 ที่ยังสาวและสวยสะพรั่ง เธอวางแผนชีวิตจากนี้ไว้อย่างไร เราจะได้รู้กันในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้

ตอนนี้กลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยถาวรแล้วหรือยัง?

เกือบจะถาวร เพราะคุณแม่อยากให้กลับมา ด้วยคำพูดเมื่อสองปีที่แล้วของแม่ที่บอกว่า กลับมาบ้านเราเถอะลูก อยากให้บ้านเป็นบ้านสักที เราเลยกลับมา เพราะก่อนหน้านี้ เราใช้ชีวิตต่างแดนมาเกือบ 20 ปี และตอนนี้ คุณแม่อายุมากขึ้น น้องชายก็บอกว่า แม่ความจำเริ่มแย่ลงแล้วนะ ซึ่งเราคิดว่า นี่คือเรื่องสำคัญ เราไปใช้ชีวิตอิสระตามความฝันของเราในต่างแดนมาเกือบ 20 ปี ซึ่งจริงๆ แล้วเราจะกลับเมืองไทยทุก 3 เดือนอยู่แล้วนะ มาอยู่ประมาณ 3-4 อาทิตย์ ไม่ได้ห่างหายไปไหน กลับมาบ่อยมาก แต่กลับมาเงียบๆ เพื่อนก็แซวว่าเธอเดินทางเป็นว่าเล่นเลยนะ นั่งเครื่องตั้ง 20 ชั่วโมง แต่เราชอบไง ชอบเดินทาง เราเป็นคนคลั่งไคล้การเดินทางมาก ไปนู่นไปนี่ตลอด อยู่กับที่ไม่ได้ แต่เพื่อนก็บอกว่า บุ๋มเธอควรจะกลับมา ดูอย่างแม่ฉันสิ แม่จำฉันไม่ได้แล้วนะ เราก็มาคิดว่า ไม่ได้แล้ว แม้เราจะกลับมาบ่อยๆ คุณแม่ก็คงไม่ชื่นใจเท่ากับได้เห็นหน้าเราทุกวัน นี่คือสาเหตุเลย

ย้อนกลับไปช่วงที่ตัดสินใจไปต่างประเทศ ตอนนั้นจากดารานักร้องซูเปอร์สตาร์ เกิดอะไรขึ้นถึงตัดสินใจไป?

อย่างแรก-มันถึงจุดอิ่มตัว เราประสบความสำเร็จมาพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นนางแบบ นางเอก นักร้อง ผู้หญิงวัยสามสิบคนอื่นคิดเหมือนเราไหมไม่รู้ แต่เราอยากทำอะไรที่เราเคยอยากทำตอนเด็ก นั่นคืออยากไปเรียนต่อเมืองนอก อยากไปทำงานกับชาวต่างชาติ ไปดูว่าเขาทำงานกันอย่างไร อยากมีประสบการณ์เดินทางไปต่างเมือง ใช้ชีวิตในพื้นที่ที่กว้างใหญ่ในช่วงวัยสาว ก่อนจะเหี่ยวไปทั้งตัวจนเดินไม่ไหว ตอนนั้นเรายังมีแรงอยู่ และสอง-อยากเป็นโสด อยากใช้ชีวิตสาวโสด เพราะมีแฟนมาตลอด คบแฟนมาคนหนึ่งเจ็ดปี อีกคนก็เจ็ดปี เราไม่ได้ใช้ชีวิตอิสระเลย อาจเพราะมันอิ่มตัวแล้วทุกอย่าง ก็เลยอยากไปใช้ชีวิตใหม่ในต่างประเทศ

ผู้หญิงอายุสามสิบปีทั่วไปน่าจะอยากแต่งงานมีครอบครัว?

ไม่ เราคิดแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น สำหรับเราแล้ว ผู้หญิงอายุสามสิบสองปีเนี่ย ยังมีอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ ยังมีอะไรที่น่าท้าทายที่เรายังไม่ได้ลองใช้ เช่น เรื่องการเดินทาง เราชอบเดินทางตั้งแต่เด็กๆ แต่เผอิญเราเข้าวงการตั้งแต่อายุ 19-32 ปี ช่วงชีวิตวัยรุ่นของเราเลยขาดไป เพราะเราทำงานทุกวัน อาจจะโชคดีที่มีชื่อเสียง งานเลยเยอะ มีแฟนตั้งแต่เด็กอีก ก็เลยขาดช่วงชีวิตวัยรุ่นแบบสาวโสดไป เพราะฉะนั้นพี่เลยรู้สึกว่า จะวัยกลางคนแล้ว อยากใช้ชีวิตอิสระ อยากโลดแล่นตามลำพัง

ไม่หวงแหนชื่อเสียงเงินทองที่ผ่านมาเหรอ ตอนนั้นงานในวงการบันเทิงก็น่าจะทำรายได้เยอะมาก?

เยอะมาก ก็เราดังเสียขนาดนั้น แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ตอนนั้นไม่มีหนี้แล้ว บ้านก็ผ่อนหมดแล้ว เลยตัดสินใจเก็บเงินหนึ่งก้อนไปอยู่ต่างประเทศ เพราะรู้อยู่แล้วว่าไปอยู่ที่นั่นเราก็ต้องหางานทำ เราเป็นหัวหน้าครอบครัว อย่างไรก็ต้องทำงาน ต้องจัดการชีวิตการเงินของทั้งตัวเองให้ได้ รวมถึงแม่ น้องชาย และหลาน สามชีวิตที่อยู่ในกำมือเรา มันเลยทำให้เราต้องเข้มแข็ง ไปอยู่ที่โน่นเลยรู้สึกว่าท้าทายมากกว่าจะเสียดาย เราอายุ 32 แล้วนะตอนนั้น ถ้าไม่ไปจะรอไปตอนอายุ 40 เหรอ เราคิดว่า ถ้าไปตอนนั้นคงหมดแรง หมดไฟ ไม่มีความมุมานะ ความอุตสาหะ หรือความมุ่งมั่นอะไรแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะน้อยลงเรื่อยๆ ไปตามวัย

ทำไมเลือกประกอบอาชีพ 'กรูมเมอร์' ตัดแต่งขนแมวและสุนัข?

เพราะเราเป็นคนรักสุนัข สมัยก่อนเมืองไทยเวลาพูดถึงดาราที่รักสุนัขจะมีชื่อของเราติดอยู่ด้วยตลอด เราเลี้ยงทีเป็นสิบตัว Sheepdog Dalmatian Shih Tzu Puddle หมาไทย อาจเพราะว่าเรามีเพื่อนเป็นนักเพาะพันธุ์สุนัขของ AKC (American Kennel Club) ก็เลยมีความรู้ตรงนี้ เรามีพื้นฐานอยู่แล้วถึงได้กล้าไปเรียน

อะไรเป็นสาเหตุให้ตัดสินใจตั้งรกรากที่นั่นนานถึง 20 ปี?

ชอบ ไม่มีอะไรมาก พออยู่ได้ถึงปีที่สี่ ก็รู้สึกว่าชอบที่นั่น เลยมองหาคอนโดที่เราจะผ่อนไหว สมมุติว่าอพาร์ตเมนต์เดือนละพันห้าร้อยเหรียญ ก็มาคิดว่าเราเอาเงินตรงนี้ไปผ่อนคอนโดดีกว่า มันจะได้กลายเป็นของเราด้วย เราเลยซื้อแล้วอยู่มาเรื่อยๆ แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรยุ่งยาก เราใช้ชีวิตเป็น แทนที่จะเอาเงินไปสูญกับอพาร์ตเมนต์เดือนละพันห้าร้อยเหรียญ ก็เอามาผ่อนคอนโดเล็กๆ หนึ่งห้องนอนดีกว่า อยู่คนเดียว หมาหนึ่งแมวหนึ่ง ซื้อรถดีๆ ไปเลย ใช้มาแปดปีแล้วก็ยังสภาพดีอยู่ พี่จะเป็นคนเปลี่ยนรถทุกเจ็ดปี ไม่เหมือนคนอื่นที่เปลี่ยนทุกสามปีห้าปี เพราะห้ามใจกันไม่ได้ แต่เราห้ามใจได้ รู้ว่ากว่าจะหามาเงินมาได้มันเหนื่อยยากแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะล้มละลาย เราชอบใช้ชีวิตหรูหรา ดังนั้น เราเลยเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต ต้องจัดการการเงินแต่ละเดือนให้ดี สร้างหนี้ทีละชิ้น ผ่อนรถอยู่ก็จะไม่ซื้ออะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะผ่อนหมด

เคยล้มละลาย?

คุณพ่อคุณแม่เคยล้มละลายตอนเราอายุ 17 ปี เราเลยรู้จักดีว่า การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแล้วกลายเป็นไม่เหลือแม้แต่บาทเดียวมันเป็นอย่างไร แต่ก็โชคดีว่า เรามีญาติพี่น้องที่ฐานะดีมาช่วยดูแล บ้านเราก็มีอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็มีงานทำ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของเท่านั้นเอง แต่เราเป็นคนที่อยู่แบบนั้นไม่ได้ เราจึงตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องมีอะไรเป็นของตัวเองให้ได้

ถ้าประสบความสำเร็จกับแค่การเป็น groomer ตัดขนสัตว์อย่างเดียว โดยไม่ได้ดูแลร่างกายตัวเอง คนอาจลืมชื่อบุ๋มตรีรักไปแล้วคุณคิดแบบนั้นไหม?

มันก็ไม่เพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ เราไปใช้ชีวิตเมืองนอก เริ่มจากศูนย์ ทำอาชีพตัดขนสุนัขที่สมัยก่อนก็ไม่ได้เลิศหรูเลย ไม่ได้เป็นเซเลบเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ซึ่งการเป็นเซเลบในเมืองไทยไม่มีใครอยากห่างหายไปหรอก เพราะมันยากที่จะกู้ชื่อเสียงความสนใจของสื่อกลับมาอีกครั้ง ยากมาก มีสักกี่คนกันที่กลับมาแล้วทุกคนยังอยากจะสัมภาษณ์ อยากจะรู้ว่าเธอใช้ชีวิตอย่างไร ทุกข์สุขอย่างไร แต่ทำไมตรีรักกลับมาทุกครั้ง มีแต่คนอยากจะรู้เรื่องของนางว่า ตอนนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร อัพเดตชีวิตว่าเป็นอย่างไร จะเห็นว่าสองสามปีจะมีให้เห็นอีกแล้ว มีภาพสวยๆ ให้เห็นทุกสองสามปีเลย แล้วยิ่งตอนนี้มีอินสตาแกรม สื่อต่างๆ ก็จะเห็นการใช้ชีวิตของเรา เช่น พาลูก (สุนัขและแมวของเธอ) ไปขับเรือเล่น ไปเที่ยวเมืองนั้นเมืองนี้ ไปเปรู ไปประเทศไหนเราจะซื้อหนังสือเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะเราไปเยอะมาก บางทีลืมว่าเคยไปมาหรือยัง เวลาเพื่อนเห็นก็จะถามว่า เธอไปมาชูปิกชูเนี่ยนะ เดินไหวเหรอ เพราะมันไกลมาก แต่ในรูปเราก็ยังสวยอยู่ เพราะขนพร็อพไปเต็ม (หัวเราะ) เรายังสวย แต่งตัวสวย และมีรูปเก็บเป็นที่ระลึกลงในอัลบั้มเฟซบุ๊กของเรา ลงอินสตาแกรมบ้าง เป็นความสุขส่วนตัว สุขเหลือเกิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงอายุ 50 คนอื่นๆ อาจจะทำไม่ได้แล้ว

แต่ถ้าอยู่ในวงการมาตลอดอาจมีคนรู้จักเยอะกว่านี้?

ไม่สนใจ ไม่เคยเสียดาย ไม่แคร์ เขาให้อะไรเราเหรอ ความสุข เงินทอง เขาให้เราไหม เราต้องหาเองทุกอย่าง อะไรที่เราชอบ ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ นี่คือตัวตนของเรา แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งคุณหาสิ่งที่ชอบไม่ได้ คุณก็จะใช้ชีวิตแบบเคว้งคว้างล่องลอยไปวันๆ ถ้าร่ำรวยก็โชคดีไป ช้อปปิ้งซื้อความสุขให้ตัวเองไป แต่ถ้าพูดในฐานะผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ฐานะปานกลาง และต้องทำงานเลี้ยงดูครอบครัวแต่เพียงผู้เดียวทุกเดือน คุณจะเอาเงินที่มีอยู่มาต่อเงินได้อย่างไร ไหนต้องทำงานอีก ต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีอีก ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเจ๋งพอตัวเลยนะ

ถ้าย้อนกลับไปมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรบ้างไหม?

(หัวเราะ) มิวสิกวิดีโอถูกแบน เราเป็นศิลปินหญิงเมืองไทยคนแรกที่ถูกแบนมิวสิกวิดีโอ เขาบอกว่าสะดือเราโป๊ หน้าท้องแบนๆ เอว 22 นิ้วของเรามันโป๊ แต่อยากแบนก็แบนไป เราก็ดังอยู่ดี น้องๆ มัธยมก็ยังเอาชุดเราไปใส่ในงานกีฬาสี ร้องเพลงของเรา ตีผมโป่งๆ ม้อดดี้ ผู้สื่อข่าวทุกคนก็ทำผมม้อดดี้ ตอนนั้น ทุกคนแรงมาก

คิดอย่างไรกับสังคมที่ไม่หลุดพ้นจากกรอบพวกนี้ ยังตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก โดยอาจบอกว่า คนที่แต่งตัวเปรี้ยวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยเป็นคนไม่ดี หรือสาวใจแตก?

แรด ใช้คำนี้เลย ทุกคนชอบกลัวว่า จะถูกมองว่าแรด เป็นผู้หญิงไม่ดี แต่ไม่เคยมีใครว่าผู้ชายที่เจ้าชู้บ้างเลย ทำไมผู้หญิงต้องถูกมองแบบนี้ ในความคิดของเรา เรามองว่าคนที่คิดแบบนี้เชยมาก ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร เราแค่มองว่าเขาเชย และพยายามเอาตัวเองออกมาจากคนประเภทนั้น แค่คิดกันคนละแนว ดังนั้น อย่ามาอยู่ใกล้กันเลย คุณอย่าเอาตัวเองไปอยู่ใกล้คนที่มีความคิดแตกต่างจากคุณ ถ้าเลือกได้ออกมาเถอะค่ะ อย่าไปทะเลาะด้วย เสียเวลา เพราะมันไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด แนวคิดต่างๆ ไม่มีใครถูกผิด อย่าไปหาคำตอบเลย ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า แต่เราก็ยังคิดว่า สมัยนี้ดีขึ้นนะ อย่างน้อยนางเอกยุคนี้ร้ายได้ แรงได้ ตบตีกับใครก็ได้ แต่งตัวเปรี้ยวได้ และหนุ่มสาวทั่วไปก็กล้าแต่งตัวมากขึ้น หุ่นดี 80% เลย รูปร่างหน้าตาดี จะด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่ เราไม่เคยปฏิเสธการทำศัลยกรรม ถ้าคุณทำแล้วดูดีกว่าในอดีต ก็ทำไปเถอะค่ะ เพียงแต่ว่าก็ต้องเลือกที่ที่ดีก็แล้วกัน เพราะผลข้างเคียงจากการเลือกหมอผิด จะทำให้คุณกลายเป็นคนขี้เหร่ได้เลย

ถ้าให้เลือกความทรงจำระหว่างช่วงยี่สิบปีก่อนที่เราเป็นดาราดังกับช่วงเวลาหลังจากนั้นมาแล้วที่ไปอเมริกาชอบความทรงจำไหนมากกว่ากัน?

ชอบอย่างหลัง เพราะมันสุขสงบ ตอนเป็นดาราเวลาไปทำงานเราไม่รู้เลยว่าคนที่ทำงานกับเราใครเป็นอย่างไร นิสัยอย่างไร วงการมายาทุกคนดูเหมือนรักกัน มีคนรักเราและเรารักเขาก็มี แต่มันผสมรวมกับคนที่จิตใจแตกต่างเยอะมาก ความเห็นแก่ตัว การเอาตัวเองรอด เอาพรรคเอาพวกมันเยอะ ตอนอยู่ในวงการมายามันสนุกนะ ได้อยู่กับแสงสีเสียง ได้เป็นนางแบบ ได้เป็นนางเอกหนัง ได้อยู่บนเวที แต่กลับบ้านแล้วเหนื่อยน่ะ เหมือนต้องใช้พลังเยอะ เพราะต้องทำตัวเป็นคนดีต่อคนที่เราก็รู้ว่ามีจิตใจไม่ดีต่อเรา เราต้องทำเป็นไม่รับรู้ หรือเขาเหน็บอะไรมาก็สวนไม่ได้เพราะเขาใหญ่กว่าเรา มันจึงมีความสุขแบบเหนื่อยๆ ถ้าพอได้แล้วก็ขอพอดีกว่านะ อย่างน้อยๆ ที่ให้สัมภาษณ์อยู่ ให้มาถ่ายรูป แต่งตัวสวยอยู่แบบนี้เพราะเรายังคิดถึง แต่ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะร่วมงานกับใคร หรือเราอยากให้สัมภาษณ์หรือเปล่า เราเป็นคนเลือกค่ะ ก่อนคุณมาเราก็ดูนิสัยใจคอคุณก่อน เราไม่ได้อยู่ในวงการแล้ว เราไม่ต้องรับทุกอย่าง ทุกวันนี้เราเป็นคนเลือกแล้วค่ะ ต่อให้คุณดังแค่ไหนเราก็ไม่ทำงานด้วยเพราะไม่ได้ต้องการเงินจากคุณ ไม่ได้ต้องการชื่อเสียงจากคุณอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เราต้องการ ธุรกิจที่ทำอยู่ เราก็ทำไปเรื่อยๆ เราทำเพราะอยากจะทำ 

 

ทำไมถึงต้องอยากสวยอยู่ ในเมื่ออายุก็ขึ้นเลขห้าแล้ว งานในวงการบันเทิงก็ไม่รับ แฟนก็ไม่สนใจจะมี?

ชอบอิสระ แต่ก็ชอบให้คนมอง มีความสุข เหมือนกับว่าคุณมอง คุณไล่ตามจีบฉัน แต่คุณไม่ได้แอ้มฉัน (หัวเราะ) ไม่ได้โรคจิตนะคะ แต่โคตรมีความสุขเลย ใครๆ ก็อยากมาจีบ อยากมาคุยด้วย บางคนบอกว่าพี่ชอบบุ๋มมาตั้งนานแล้ว ชอบตั้งแต่เขายังไม่แต่งงานจนกระทั่งหย่าแล้ว ลูกโตแล้ว มีคนแบบนี้เข้ามาเยอะมาก เราก็จะบอกว่ามันไม่ใช่ อย่างไรก็จีบไม่ติดหรอก ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่

คุณเน้นเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเยอะมาก เคล็ดลับของการมีความสุขของคุณคืออะไร?

คุณต้องรู้จักเพียงพอและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี อย่าไปโลภ อย่าคิดตามคนอื่น เช่น คนนั้นมี ฉันอยากมีบ้าง คิดแบบนี้ก็ทุกข์แล้ว แค่นี้เอง ง่ายๆ เลย ทำให้ได้ก็พอ เราถึงได้เป็นคนที่ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าใครจะอะไรอย่างไรมา เราก็เฉย ต่อให้เขามาเกทับ เราก็เฉย เขาก็จะกระตุ้นเราไม่ได้แล้ว บางทีเราจะตอบไปว่า แล้วอย่างไรล่ะ แล้วเธอมีความสุขไหมที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เพื่อนก็เงียบ เราถามว่าแล้วอย่างไรล่ะ เธอสาวและสวยสู้ฉันได้ไหม เพื่อนก็เงียบ ทั้งที่แต่ก่อนเธอสวยกว่าฉันอีก เราเป็นคนที่ไม่ได้อยู่เฉยๆ ให้ใครมาเอาเปรียบ มาเหน็บแนม มากัด เราสวนกลับเลยค่ะ เพราะเรารู้ว่าเรามีดีพอที่จะสวนกลับ

อย่างสาวๆ ที่อยู่ในวัยยี่สิบปลายๆ ถึงสามสิบต้นๆ ตอนนี้ พอเห็นคนอื่นแต่งงานมีครอบครัว ก็อยากมีบ้าง วาดฝันถึงครอบครัวแสนสุข กลัวขึ้นคาน ต้องรีบหาให้ได้ จนกลายเป็นทุกข์ คุณคิดเห็นกับกรณีอย่างไร?

คนพวกนี้น่าสงสาร บอกได้เลยว่าน่าสงสาร เพราะคุณยังไม่รู้จักตัวเองว่าพร้อมที่จะมีชีวิตคู่แล้วหรือยัง พร้อมที่จะดูแลลูกหรือยัง มันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่นะคะ ไม่เชื่อลองถามแม่ของตัวเองดู กว่าจะเลี้ยงดูให้เราโตได้ขนาดนี้ท่านเหนื่อยแค่ไหน กว่าจะหาเงินมาเลี้ยงดูเรา ให้เรามีทุกอย่างทัดเทียมคนอื่น กว่าจะส่งเสียเราให้ได้เรียนสถาบันดีๆ เพื่อสังคมที่ดี เพื่อคอนเน็กชั่นที่ดี เพราะฉะนั้น เราคิดว่าอย่างแรกต้องรักตัวเองก่อน รู้จักตัวเองให้ดีก่อน ว่าการที่คุณอยากจะเป็นเหมือนเพื่อนที่แต่งงานมีครอบครัว มีสามีนั้นคุณพร้อมแล้วหรือยัง เพื่อนที่แต่งงานไปแล้วอาจจะพร้อมแล้วจึงแต่งงาน จึงมีความสุข แต่บางคนบอกว่าไม่ได้แล้ว ไม่อยากอยู่บนคาน แล้วก็กระโจนเข้าไป ทุกข์ไหมคะ ทุกข์สิ แล้วคุณก็จะแก่เร็ว ทุกข์เพราะไม่พร้อม แต่ก็แต่งงานไปแล้ว หรือคบกันก็รักกันอยู่ดีๆ แต่งงานแล้วทะเลาะกันเลยเพราะงานแต่งงานสมัยนี้เป็นล้าน ไม่รู้จะหวงหน้าตากันไปทำไม ทำไมถึงคิดกันแค่นี้ บอกได้เลยว่าคนอย่างพี่ถ้าใครมาขอแต่งงาน จะบอกว่าของ่ายๆ เลี้ยงข้าวคนในครอบครัว หรือคนที่สนิทกันก็พอ จัดที่บ้านด้วย บ้านใครสักคน ถ้าบ้านเราเล็กเกินไป ไปจัดบ้านเพื่อนก็ได้ หรือหาสักที่ที่ไม่แพง เลี้ยงข้าวเขาจบ ถ้าอยากบ่งบอกให้ญาติพี่น้อง หรือทั้งโลกนี้รู้ก็เรื่องของคุณ แต่บอกเลยว่าทำอะไรก็แล้วแต่ต้องรู้จักเงินในกระเป๋าของคุณด้วย บางคนทำได้เพราะเขาพร้อม รวยจริง มีเงินจริง เขาไม่เดือดร้อน แต่คุณอยากทำอย่างเขาต้องไปกู้มาเหรอ 60% เลยที่กู้เงินไปแต่งงาน ถ้าคุณรวยจริงก็แล้วไป ไม่เดือดร้อน แต่ที่รวยไม่จริงมันเยอะกว่าไหม แทนที่จะแต่งงานไปก็ต้องมานั่งทำงานกันหูดับตับไหม้เพื่อใช้หนี้ พอเสร็จแล้ว เพื่อนเริ่มมีลูก พอโดนหาว่าไม่มีน้ำยา ก็เริ่มเดือดร้อน ต้องมีลูกกันอีก ลูกโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องเรียนโรงเรียนนานาชาติ พ่อแม่ตัวเองยังไม่มีเวลาดูแลเลย พ่อแม่ก็แก่แล้ว แต่คุณกลับต้องมาใช้ชีวิตแข่งกับคนอื่น ลูกต้องเรียนโรงเรียนอินเตอร์ พูดไทยไม่ได้เลย เห็นหลายคนแล้ว มองแล้วไม่สงสัยเลยว่า ทำไมเด็กไทยยุคปัจจุบันถึงได้ถดถอยกันขนาดนี้ ซึ่งคนรุ่นที่ทำแบบนี้เป็นคนรุ่นเดียวกับเราทั้งนั้นเลย วัย 50 ทั้งนั้นเลย แล้วทุกคน รุ่นเดียวกัน ก็บ่นว่า ลูกไม่เคารพฉันเลย เราก็จะย้อนว่า ก็เพราะเธอเลี้ยงลูกแบบนั้นน่ะสิ เราดูแลลูกกันไม่เป็น สอนลูกกันไม่เป็น เด็กรุ่นลูกเรายี่สิบต้นๆ จึงถอยหลังเข้าคลองกันแบบนี้ จะโทษใครได้นอกจากคนรุ่นเรา
คุณศรัทธาในเรื่องความรักไหม?

ไม่ (ตอบทันที) เคยมีแฟนก็จริง แต่เขาทำให้เราผิดหวังตลอด เพราะฉะนั้นเจ็บแล้วจำ จำแล้วเข็ด อย่ามีรักเลยดีกว่า รักผู้ชายทำไม ไม่มีก็อยู่มาได้ตั้งนาน มีความสุขกว่าแต่ก่อนอีก คบใครมาก็ไม่มีใครเคยต้องมาดูแลเรา

ชีวิตนี้สมบูรณ์แล้วหรือยัง หรือว่ามีอะไรที่ยังขาดอยู่?

(คิดนาน) เรายังเป็นคนโลภอยู่นะ ถ้าทำตรงนี้สำเร็จแล้วก็ยังอยากทำอะไรต่อไป เพราะเราเป็นคนแอ็กทีฟ เช่น อยากทำธุรกิจความงามของคนให้สำเร็จ แล้วเริ่มทำงานเรื่องการตัดแต่งขนสุนัข แล้วก็อยากมีที่ดินสักไร่ในภาคเหนือ ที่เวลาเรารีไทร์จากแอลเอกลับมาแล้วจะได้อยู่ในที่ที่มีแต่ต้นไม้ พี่ชอบภูเขา ชอบต้นไม้สีเขียว ถ้าให้เลือกอยู่ด้วยทุกวันก็คงเลือกน้ำตก เราชอบอยู่กับอะไรพวกนี้ ก็ค่อยๆ ทำไป เป็นขั้นเป็นตอน ถึงได้ไม่เครียดไง ทำอันนี้สำเร็จแล้วทำอันนั้นต่อ เพราะเรารู้กำลังตัวเอง

ขอขอบคุณ
Makeup :พฤศรุจน์ กุลภัคเรืองชัย
Hair: ชวกิจ สุพรรณพงศ์
Clothes: KlärLovเกษรพลาซ่า
เรื่อง: ฆนาธร  ขาวสนิท
ภาพ : พาณุวัฒน์  เงินพจน์

No Comments Yet

Comments are closed

user's Blog!

49/1 ชั้น 4 อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

49/1 4th floor, Phra-A-Thit Road, Chanasongkhram,Phanakorn Bangkok 10200

Tel. 02 629 2211 #2256 #2226

Email : mars.magazine@gmail.com

FOLLOW US ON

SUBSCRIBE